“Spiritual Septal เป็นเหมือนกำแพงที่กั้นจิตใจของตัวเองเอาไว้ให้อยู่ในโลกเสมือน ที่เป็นเราอีกคนอยู่ในนั้น”

เล่าที่มาที่ไปของคอนเซ็ปต์ และแนวดนตรีเพลย์ลิสต์นี้ 

ที่มาที่ไปของ Playlist นี้ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่อยากถ่ายทอดดนตรี ที่เราชื่นชอบให้คนอื่นๆ ได้ฟัง เพลงทั้งหมดที่ได้เห็น บางเพลงไม่สามารถเปิดที่ไหนได้เลย บางครั้งเปิดในงานปาร์ตี้ตัวเองก็ไม่ได้ เปิดฟังได้คนเดียวในห้อง เสียงเล็ดรอดออกไปข้างบ้านก็จะเดินมาด่า และยังมีอีกหลายๆ เพลงที่ไม่มีใน Spotify ที่ซื้อเพลงแนวนี้เพราะชื่นชอบ และอยากสนับสนุนความเจ๋ง ความเก่งของศิลปินจริงๆ  

ส่วนแนวดนตรีส่วนใหญ่ก็จะเป็น Intelligent dance music (IDM) ที่เต้นไม่ได้จริงอย่างชื่อ และแนว Industrial Techno ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว

ชอบฟังเพลงแบบไหน เพลงให้อะไรกับตัวเองบ้าง

หลายคนอาจจะคิดว่าเราฟังเพลงหนัก เพลงโหด บอกตามตรงเลยนะ เราฟังเพลงทุกแนวที่ไม่ Mainstream จนเกินไป ตั้งแต่ Hip hop ไปจนถึง Indie K-pop ถ้าวันชิลๆ เราจะชอบฟังเพลงเก่ามากๆ เราฟัง Donny Hathaway เพลง Love love love อันนี้เพลงโปรด หรือ William DeVanghn, Lady wray – piece of me เพลงนี้ชอบสุดๆ แต่ที่ฟังไม่เบื่อเลยคือ Lenny Kravitz ร้องได้ทุกเพลง Jamiroquai, Moodyman ก็ฟังได้ตลอด

วันไหนฟิล Hip-hop ,R&B มาก็จะเริ่มต้นวันด้วย MF Doom, Dj Shadow, Q-tip, De la soul แล้วก็ชอบพวก Industrial hip hop อย่าง Clipping, Death grips เหมือนกัน มันเท่ แบบไม่มีใครทำแบบพวกพี่เขาได้เลย ถ้าขับรถก็จะฟังเพลง Rock หรือไม่ก็ Indie K-pop ไปเลย งงตัวเองเหมือนกัน แต่ชอบจริงๆ นะ K-pop เนี่ย

เพลงมันทำให้เรามีสุนทรียภาพในการใช้ชีวิต เคยคิดถึงขั้นว่าบางเพลงมันกำหนดอารมณ์ของเราในวันนั้นๆ เหมือนกันนะ สุข เศร้า เหงา รัก มีทุกอย่างและเราก็กลายเป็นคนที่ชอบทุกอย่างไปด้วย

เรื่องราวของ WINKIEB

เรื่องราวของเราต้องย้อนไปเมื่อปี 2014 ที่ได้ไปเบอร์ลินครั้งแรก ตอนนั้นชอบดนตรี Electronic เป็นทุนเดิม แต่ยังไม่เคยซึมซับหรือลงลึกและคลุกคลีไปกับมันแบบจริงจัง จนเมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยว จึงทำให้เรารู้ว่าเข็มทิศของตัวเองมันมุ่งไปทางไหน หลังจากปี 2014 เราก็เลยตั้งปณิธานว่าเราจะไป Berlin ทุกปี จนในที่สุดเราก็มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มันคือแบบนั้นจริงๆ นะ

พอเราชอบอะไร แล้วได้คลุกคลีกับมัน ได้เสพมันอย่างลึกซึ้ง ได้ทำความรู้จักกับมันจนมากพอ มันเลยกลายมาเป็นตัวเราแบบทุกวันนี้ เราจะไม่ขอเรียกตัวเองว่า Dj เพราะเราไม่ใช่ เราเป็นเพียง Collector เป็นนักเลือกเพลงที่ถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนได้ฟังว่าดนตรีที่เราชื่นชอบคืออะไร 

ถ้าใครรู้จักเราจะรู้ว่าเราเป็นคนขี้อาย และชอบยิ้ม ชอบขำไปกับทุกเรื่อง เราจึงรักการที่เป็น WINKIEB มากๆ เพราะมันคือเราที่เงียบๆ นิ่งๆ ในโลก Metaverse ที่ชอบทดลองทำอะไรแปลกๆ ฟังดนตรีประหลาดๆ และถ่ายทอดมันออกมาให้คนที่อยากรู้อย่างลองได้ฟัง 

สถานที่ที่รู้สึกว่ามันคือ WINKIEB จริงๆ เป็น Club scene จริงๆ แบบที่เราไม่เคยเห็นในเมืองไทยต้องเป็นที่ Grissmuehle Berlin เป็นคืนที่จำได้ดี ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินก็ไม่ได้พักจนถึงงานเริ่ม เราลงเครื่องตอน 9 โมงเช้า ถึงที่พักประมาณ 10 หรือ 11 โมงเช้า Sound check ที่คลับตอน 5 โมงเย็น มีเล่น 2 เวลาคือสี่ทุ่ม Modular set  และตี 5 Dj set คิดว่าจะได้งีบสักหน่อย แต่เปล่าเลยตั้งแต่ลงเครื่องจน Sound check ก็เล่นยาวจนถึง 7 โมงเช้าไปเลย 

ด้วยความที่เราเป็นคนไทย เราก็เลือกที่เราชอบนั่นแหละ เพลงหนักในแบบของเรา แต่พอไปเล่นคนใน Club ชอบเพลงแรงๆ ทั้งนั้น เล่นตั้งแต่ 135 Bpm ไปจนถึง 150 Bpm จนเป็นเราเองที่จะเป็นลมอยู่แล้วเพราะ Jetlag และเพลงที่ไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 140 Bpm ได้ 

แต่วันนั้นก็กลายเป็นอีกหนึ่งความประทับใจในตอนที่งานเลิกเก็บของเตรียมกลับบ้านแล้วมีคนเดินมาคุยด้วย หรือชูนิ้วโป้งให้ มันเป็นอะไรที่อิ่มใจ แล้วก็ตอกย้ำความเป็นตัวเราอีกว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว

คิดว่าซีน Underground party ของไทยจะกลับมาเฟื่องฟูอีกไหม

Underground Party ของแต่ละคนคืออะไรต้องถามก่อน สำหรับตัวเอง Underground Party มันคือสถานที่ ที่เราจะได้ฟังดนตรีใหม่ๆ เจ๋งๆ จากดีเจ Selection จัดๆ ได้กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่หลับตายืนเต้นไปกับบรรยากาศแปลกใหม่รอบตัว ได้พบเพื่อนที่ชอบดนตรีในแบบเดียวกัน ใน Club จริงๆ หรือในสถานที่แปลกประหลาด

ถ้า Underground party ของไทยจะกลับมาหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับสถาณการณ์ Covid ในตอนนี้ Covid มันอยู่กับเราอีกนานแน่นอนอยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวไปกับมันยังไง

พูดถึงผลงานในอนาคต

ถ้าในนามของ WINKIEB จะไม่มีผลงานเพลงออกมาให้ฟังแน่นอน เพราะเราอยากเป็นแค่ Collector เท่านั้น แต่ถ้าในนามของวง Modular ที่ชื่อ 2626 จะมี Single ออกมาให้ฟังแน่นอน หลายคนอาจไม่รู้ว่าเรามีวงดนตรี และเล่น Modular ด้วย เพราะเราไม่อยากโปรโมตมาก ไม่อยากให้ใครรู้ว่าคือเรา ทำวง 2626 มาตั้งแต่ปี 2018 ได้เล่นที่เมืองไทย 3 ครั้ง ได้เล่นที่ Berlin 1 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของวง Modular หน้าใหม่อย่างเราแล้ว

ติดตามและอัปเดตผลงานทั้งหมดได้ที่ WINKIEB, 2626

ฟังเพลย์ลิสต์ Techno สุดล้ำได้ที่นี่