ภาพยนตร์ The Social Network เป็นผลงานกำกับของ Fincher บอกเล่าเรื่องราวในปี 2003 มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) แสดงโดย เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก (Jesse Eisenberg) นักศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาฮาวาร์ด และอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานกับแนวคิดใหม่ที่สามารถให้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างกว้างขวาง จนในที่สุดก็กลายเป็นเครือข่ายโซเชียลระดับโลกที่เรียกว่า Facebook หกปีต่อมา เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก แต่ซักเคอร์เบิร์กพบว่าความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของเขานำไปสู่ปัญหายุ่งยากทั้งปัญหาส่วนตัวและทางเรื่องกฎหมาย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9a3514125841ed817a2_7oLa3n0grifNvVch77xUDfP5hIdNW3ya9IsRagGkR3pBuNdatmcLXbBms1czE9SQxqcbjGgdYdKolbDBSwqnO0tVknZh9vkb9eThB7VkZSiDP8FTBQHVHrdq5qvvg4qzr5q8IetCR8e8qxxDhmBtIMA.jpeg)
เรารู้กันดีว่า Facebook ถูกคิดค้นโดยมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวที่แท้จริงของเบื้องหลังการสร้างเว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่มีอิทธิพลต่อโลกนี้ว่ามีความโลภมากมายที่เกี่ยวข้องผสมผสานอยู่ในความสำเร็จภายใต้นามของซัคเกอร์เบิร์กอยู่ และครั้งแรกที่นักเขียนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เราได้รู้เรื่องราวที่แท้จริงของ Facebook และวิธีการสร้างมันขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้น
'The Social Network' ไม่ได้นำเสนอเกี่ยวกับโซเชี่ยลมีเดียเสียเท่าไร แต่กลายเป็นนำเสนอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่บางเบาระหว่างนักศึกษาหัวกะทิซึ่งผลัดกันเล่นเป็นตัวร้ายชนชั้นกลางในมหาลัย Ivy League เสียมากกว่า ผู้กำกับชี้ให้คนดูทราบและตั้งคำถามว่า Facebook มีวิธีมีการจัดการข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างไร โดยชี้ให้เห็นว่าก่อนเริ่มต้นพัฒนาเว็บไซต์ ซักเกอร์เบิร์กใช้โค้ดเพื่อถอดความข้อมูลของนักศึกษาจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปยังแพลตฟอร์มใหม่โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา และความโดดเดี่ยว แยกตัวออกจากสังคมจากผลของการเล่นโซเชียลมีเดียส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้อย่างไร
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9a32eaf31c9a4227eb8_EXxDn0UUOw1GFjemeYHF0bonjElxSNQAduYRPJlgvIVaHvQ_gBRapUuWzS5LGdBnURZQ5_gCsm3I2biLDWxN9V__IGxlIfaNacgTWaI3fYbfxdNfKignAgYtilekD6VuteFCFEl5Y-HHb39Hw92uQyA.jpeg)
ภาพยนตร์ยังเผยให้เราเห็นถึงเหตุการณ์จริงที่ฝาแฝด Winklevoss ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของ Zuckerberg ฟ้องร้องเขาโดยอ้างว่าเขาขโมยความคิด แม้ว่าจะพ่ายแพ้ไปแต่ก็ยังฝากความเจ็บใจและเป็นข่าวใหญ่โตไปช่วงหนึ่งเลย อย่างที่เขาว่ากัน การทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทอาจจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกันภายหลังเป็นได้ แม้ว่าเขาจะพยายามมองข้ามปัญหาต่างๆ ไป เพียงแต่กลับพบว่าความภักดีของเขาได้รับการตอบแทนด้วยการถูกแทงข้างหลังเสียแทน
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9a37d6c1282f57a1fe3_6KN2SmIT-xmR46KZ5EE6NOAep9JGtu6TZT9ZkmFkujkBtz5j8FVeS67TMbCB3ynKypqAy2_RdhNBP0w9rdZWRLYZ8AqPOyeSxRne1Q85HwGLvRbfPtnXmvf5DeucD7_LvWl2tiILd4HloEXmSDgjmrY.jpeg)
แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) แสดงบทบาทได้อย่างแข็งแกร่งในบทบาทของ เอดูอาโด ซาเวอริน (Eduardo Saverin) ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Facebook เพื่อนแท้และหุ้นส่วนทางธุรกิจเพียงคนเดียวของซักเกอร์เบิร์ก เขาแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อ Mark เมื่อใกล้ถึงตอนจบของหนัง เขานั่งตรงข้ามกับมาร์ค ขนาบข้างด้วยทนายความในห้องประชุม และบอกเขาว่า "ฉันเป็นเพื่อนคนเดียวของคุณ คุณมีเพื่อนคนหนึ่ง”
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9a3c86cb8b8c3baabe8_XUaefvoMOszgjYPcC8R6cO2DVMLk1G-9bloBFKEWzC1QWZIPrveyQxAXOG1PLipBqC4NbygYjTbBUHxaMMbHJTtAyEs3mVaUPvz9jGiOAWXLDH0W9RVtRr22-niFRRvjOiLMsHoF4CaMpGIikjb0pk4.jpeg)
ภาพยนตร์ The Social Network มันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะดูเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะมันน่าเบื่อ มันมีบางช่วงนี้ตื่นเต้นและเอาใจช่วยเช่นกัน แต่เป็นเพราะเรื่องจริงที่น่าโมโหจริงๆ คุณรู้สึกเห็นใจทุกคนที่ได้รับผลกระทบด้านลบจากความโลภของธุรกิจนี้ และเราจะเห็นใจพี่น้อง Winklevoss พวกมีสิทธิ์ทุกประการที่จะโกรธกับสิ่งที่ซัคเกอร์เบิร์กทำ และฟินเชอร์ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการทำให้เรื่องราวที่แท้จริงนี้ถูกเปิดเผยด้วยวิธีที่น่าหลงใหลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9a384a3e3e0f3486abd_sfvckqLBn6wnjvqgAtHMx71ezwS_6MBii_dI2AVLLGrKurcB3g9-B2nF-g4sYLHE7VHbr_YwDrWCxlKfFji9_ZA_QHIZWuviSkVYxm2mOWRJCa8AB27TPmxV4rknHzX3SOgYD9GYyJ-oXGtdP8d9iUw.jpeg)
และแม้จะน่าหงุดหงิดเมื่อได้เห็นซัคเกอร์เบิร์กก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด การได้ชมเจสซี่ ไอเซนเบิร์กทุ่มเทอย่างเต็มที่ในบทบาทของซักเคอร์เบิร์กก็ทำออกมาได้น่านับถือจริงๆ ไอเซนเบิร์กดูเหมือนเป็นคนผ่อนคลายและสนุกสนานเมื่อได้อยู่นอกจอ แต่เขาทำหน้าที่ได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ ในการแสดงเป็นซัคเกอร์เบิร์ก การแสดงเขารู้สึกลื่นไหลและบางครั้งทำให้เรารู้สึกถึงความโลภในแทบทุกฉาก แม้ในช่วงแรกๆ ที่คุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การแสดงของเขาทำให้คนดูรู้สึกเหมือนเป็นคนประเภทที่จะทรยศต่อคนใกล้ชิดถ้ามันหมายถึงในเชิงธุรกิจและผลงาน แม้ว่าหลายๆ คนจะใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการเชื่อมต่อ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ห่างไกล หรือเพื่อติดต่อกับคนรู้จัก แต่ในทศวรรษที่ผ่านมา Facebook ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เพื่อการสื่อสารอย่างเดียว 'The Social Network' เน้นย้ำแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นอะไรที่มีทั้งผลดีผลเสีย มีทั้งข้อมูลส่วนตัว มันคือธุรกิจ และเรารู้กันดีว่ามันเคยเป็นข่าวใหญ่ในโลก ได้กลายเป็นสื่อที่รู้จักกันดีในเรื่องการบุกรุกความเป็นส่วนตัวและการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ คำพูดแสดงความเกลียดชัง และการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ มากมาย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6583e9db25c554271009fdc9_The%20Social%20Network%20Review_06.jpg)
แต่มันก็ยังคงรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น
เมื่อไวรัสโคโรนาระบาด เราทุกคนถูกบังคับให้ใช้ชีวิตแยกกัน Social Distancing ต่างๆ นานา และโลกก็ดูเหมือนจะหยุดชั่วคราว เวลาผ่านไปเมื่อผู้คนต้องแยกตัวจากคนที่พวกเขารัก แน่นอนว่าโซเชียลมีเดียยังคงดำเนินต่อไปเช่นเคย นักเขียนเพิ่งจะเคยรับชมผลงานภาพยนตร์ The Social Network ในปีนี้เอง แต่คุณภาพจากภาพยนตร์ในปี 2010 ก็ทำออกมาได้น่าทึ่งมาก นี่คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและเป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณตื่นตัวตลอดเวลาที่รับชม ถ้าใครอยากรู้เรื่องราวเพิ่มเติมก็สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ คุณจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นไปมากขึ้น