![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffbd771e6ed622ac273_ta-moko-1.jpeg)
ทุกวัฒนธรรมบนโลกใบนี้ก็ต่างมีความงดงามในตัวของมันเอง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค อย่างประเทศไทยที่มีการฟ้อนรำ ลวดลายต่างๆ ของผ้าไหม ฯลฯ ประเทศนิวซีแลนด์หรือดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว (ชื่อภาษาเมารีของประเทศนิวซีแลนด์ Aotearoa (อาโอเทอาโรอา) ) ก็มีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าและเปี่ยมเสน่ห์ โดยเฉพาะสำหรับชาว ‘เมารี’ (Māori) ชนเผ่าพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้มามากกว่า 1,000 ปี มีบ้างที่พวกเขาจะปรากฏพร้อมกับรอยสักตามใบหน้าและลำตัว ‘ทา โมโก’ (Tā Moko) ลวดลายบนผิวหนังที่ชนเผ่าเมารีภาคภูมิใจ
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffad771e6ed622ac244_ta-moko-2.jpeg)
ตำนาน ประวัติศาสตร์ และความหมายของ ‘ทา โมโก’
แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการสักทา โมโกเริ่มต้นจากอะไร ก็มีตำนานเล่าขานกันว่ามันมาจากการที่ ‘มาตาโอโรอา’ (Mataoroa) ชายหนุ่มมนุษย์ตกหลุมรักกับ ‘นีวาเรกา’ (Niwareka) เจ้าหญิงแห่งใต้พิภพ ที่ซึ่งแอบหลบมาหาความรื่นรมย์บนพื้นโลก พวกเขาทั้งสองคนจึงได้แต่งงานและอยู่อาศัยร่วมกันในโลกมนุษย์ โดยเจ้าหญิงนีวาเรกามีรอยสักทา โมโกอยู่บนใบหน้า มาตาโอโรอาจึงวาดลวดลายอันสวยงามนั้นบนร่างกายของเขาด้วย แต่ในวันหนึ่งที่มาตาโอโรอาทำผิดต่อนีวาเรกา เธอก็ได้ตัดสินใจกลับไปหาพ่อ มาตาโอโรอาติดตามภรรยาของเขาลงไปถึงโลกใต้พิภพอย่างยากลำบาก จนเมื่อพบเธอ รอยหมึกบนร่างกายของเขาก็เลือนหายไปกับเหงื่อไคล ทำให้ประชาชน ณ ที่นั้นหัวเราะเยาะเขา มาตาโอโรอาจึงขอให้ผู้เป็นพ่อตาสอนเกี่ยวกับศิลปะของทา โมโก การกระทำนั้นสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก นีวาเรกาก็เลยให้อภัย และกลับสู่ผืนโลกด้วยกันพร้อมความรู้ด้านการสักทา โมโก
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffad771e6ed622ac1ee_ta-moko-3.jpeg)
ชาวเมารีมักจะสักทา โมโกเมื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเพื่อบ่งบอกถึงตระกูล สถานะทางสังคม ความรู้ความสามารถ หรือกระทั่งเรื่องราวที่อยากบอกเล่า ในอดีต ทา โมโกยังมีไว้เพื่อทำให้ใบหน้าดูดุดัน เป็นการข่มขู่ศัตรูในยามสู้รบ และยังเสริมให้ดูน่าดึงดูดต่อเพศตรงข้ามอีกด้วย โดยผู้ชายจะสักทั่วทั้งใบหน้า ด้วยความเชื่อของชาวเมารีที่ว่าหัวเป็นอวัยวะศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของร่างกาย ส่วนผู้หญิงจะสักบนคางและริมฝีปาก ซึ่งนับเป็นมรดกที่สืบทอดจากเจ้าหญิงนีวาเรกา นอกจากนี้แล้ว ชาวเมารียังนิยมสักตามคอ แขน ขา และลำตัว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล อีกทั้งยังเป็นการประกาศแก่ผู้พบเห็นว่า “ฉันคือชาวเมารี”
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffad771e6ed622ac1f1_ta-moko-4.jpeg)
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยให้การสักสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น หากไปเยี่ยมชมหมู่บ้านของชนเผ่าเมารี ก็จะยังสามารถพบเห็นการสักทา โมโกแบบดั้งเดิมอยู่ นั่นก็คือการใช้เข็มสักที่เรียกว่า ‘อูฮิ’ (uhi) บ้างก็ใช้กระดูกของนกอัลบาทรอส กับสีหมึกที่ทำมาจากต้นสนเปลือกขาวไหม้ (kahikatea) ผสมด้วยยางของต้น ‘เคารี’ (kauri) หรือเขม่าจากการเผาต้น ‘โคโรมิโก’ (koromiko) และตอกให้หมึกนั้นฝังลงไปบนผิวด้วยอุปกรณ์ที่ชื่อ ‘ทา’ (tā) ซึ่งขณะที่กำลังสักก็จะมีการขับขานบทเพลง เปรียบได้ว่าเป็นพิธีกรรมที่แฝงด้วยความขลัง อีกนัยหนึ่งก็เป็นการกล่อมให้ผู้สักและผู้ถูกสักจิตใจสงบลงด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=7akm_eVjE0c
สิ่งที่ทำให้ทา โมโกมีความพิเศษก็คือลวดลายที่มีเอกลักษณ์และความหมายเฉพาะตัว ซึ่งแสดงให้เห็นชัดถึงแนวศิลปะของวัฒนธรรมโพลีนีเซีย จุดสังเกตก็คือลายที่เน้นความโค้งมนและความแหลมคล้ายกับคลื่นทะเล เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น มาดูตัวอย่างลายของทา โมโก พร้อมความหมายของพวกมันกันเลยดีกว่า
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ff8d771e6ed622abdd0_6tih_X9euNUJmVKFgSSVVmQKzv7lT6PWabIc3uje6ahihBkZAFa-SFFKQW01Z5xyyQVs5VP0XUeQoWeb9qlGNNrXhn5Kyo1gkfwLHGpOUwOpU0c934QKlhJbnGYNGTsU7ooRsxrBfxEKU4wlWocK4H8.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ff8d771e6ed622abdc9_99oZW5O94oWYfM5WO2V52RkNTFGQsO5pMrUhXWHe6UkTz5zdjSJjMSZvyQUK9jiKmYheH0aCjP9w_OGEeun5Bo2QVfoGcLhN0MigitCK-wrgWqUhjQymy1HpT1wT4HFhDmJIe0DFO3zty--W8TPu8lE.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ff8d771e6ed622abdcc_cGe3U3KU6hFe5TCrtA7JICdnwDlaZYmePCtGNWT3hxpGOS07HkdFL9A1eARdU4MUNFUEo7u-jljE0Bnuy5bPs-q7AKUbJoapBagqjXZ6-8fX3wUs_QpXUbWDymzl9Ps8CHGsxDbXnH35BPfzqPl-HO8.jpeg)
- โครุ (Koru) : ชีวิตใหม่ การเติบโต การเกิดใหม่ การเชื่อมเป็นส่วนหนึ่งกับโลก
- เฮอิ มาทาอุ (Hei-Matau) : โชคลาภ การเดินทางปลอดภัย ความแข็งแกร่ง ความสำเร็จ
- โมอานา (Moana) : น้ำ การประสานเข้ากับพลังแห่งธรรมชาติ
- มังโกปาเร (Mangopare) : ความอุดมสมบูรณ์ ความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่น
- โคไวไว (Kowhaiwhai) : ความแข็งแกร่งในการรวมกันเป็นหนึ่ง
- อุนาอุนาฮิ (Unaunahi) : ความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ
- อาฮุ อาฮุ มาตาโรอา (Ahu ahu mataroa) : ความสามารถทางด้านกีฬา ความท้าทายใหม่ๆ
ทา โมโก ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ สามารถทำได้ มันเป็นสิ่งที่สร้างโดยชาวเมารี และส่งต่อให้ชาวเมารีเท่านั้น หากรอยสักที่มีลวดลายดังกล่าวไม่ได้ทำขึ้นหรืออยู่บนผิวของชาวเมารี มันจะถูกเรียกว่า ‘คิริตูฮิ’ (Kirituhi) แทน ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ ถือว่าเป็นการเคารพวัฒนธรรมโพลีนีเซีย และคิริตูฮิก็ไม่ได้ด้อยในคุณค่าทางศิลปะไปกว่าทา โมโก
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffad771e6ed622ac223_ta-moko-8.jpeg)
การเปลี่ยนแปลงของสังคมกับผลกระทบที่มีต่อวัฒนธรรม
นับตั้งแต่การล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกในช่วงศตวรรตที่ 19 การสักทา โมโกก็เริ่มลดน้อยลงด้วยจำนวนของประชากรเมารีที่ถดถอย ในปัจจุบัน ชาวเมารีซึ่งอาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์นั้นนับเป็น 17.1% จากประชากรทั้งหมดของประเทศ (ข้อมูลนี้อัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021) ยิ่งเป็นชาวเมารีสายเลือดแท้ก็ยิ่งมีน้อย ประกอบกับการที่ชาวเมารีไม่ได้ต้องการสักกันทุกคน เนื่องจากรอยสักมักจะถูกมองในเชิงลบ บางสายอาชีพเองก็ต้องการคนที่ไม่ได้ผ่านการสักมามากกว่า และบางครั้ง ผู้ที่มีรอยสักก็ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ ในประเทศอื่น เช่น บ่อน้ำพุร้อนในประเทศญี่ปุ่น วัฒนธรรมนี้จึงได้ลดเลือนลงอย่างน่าเสียดาย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64929ffad771e6ed622ac190_ta-moko-9.jpeg)
อย่างไรก็ตาม การสักทา โมโกก็ไม่ได้ตายจากไปโดยสิ้นเชิง ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่ได้มีอคติต่อรอยสัก และผู้ที่มีทา โมโกบางคนก็ยังมีตำแหน่งสูงในหน้าที่การงาน ล่าสุดในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี ‘จาซินดา อาร์เดิร์น’ (Jacinda Ardern) เธอได้แต่งตั้งหญิงชาวเมารี ‘นาไนอา มาฮูตา’ (Nanaia Mahuta) ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จุดสำคัญก็คือ นาไนอาเป็นคนแรกจากชนเผ่าเมารีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี แถมยังมีทา โมโกอันโดดเด่นบนใบหน้าอีกด้วย แม้จะมีกระแสตีกลับเกี่ยวกับทา โมโกของเธออยู่บ้าง มันก็เป็นสัญญาณอันดีว่าชาวเมารีที่สักลายประเภทนี้ไม่ได้ถูกกีดกันออกไปจากสังคมอุดมคนขาวเสียทีเดียว และถึงแม้ว่าชาวเมารีจะเป็นชนกลุ่มน้อย หากวันใดนโยบายสามารถผลักดันให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีพอจะเชิดหน้าชูตาในสังคม และผู้คนต่างลดอคติในใจที่มีแก่รอยสักลง ทา โมโกก็จะยังคงอยู่ โดยไม่จางหายไปกับกาลเวลาอย่างแน่นอน
อ้างอิง