การรักตัวเองที่มีความหวังมันเป็นอย่างไรกันนะ ทำไมเวลาเราอยากรู้สึกถึงความรัก เราจึงอยากฟังเพลงที่เข้าใจเรา ในบทความนี้เราเลยชวน ‘ฮอน’ (Hon) นักร้องนำจากวง ‘Hope The Flowers’ และเจ้าของร้าน ‘Ageha Cafe’ มาคุยกันเรื่องการรักตัวเอง การทำเพลงที่เริ่มจากความเศร้า ที่ทำไปทำมาดันกลายเป็นความหวังให้คนฟัง พร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ความรักต่อตัวเองที่เฮลตี้มากขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งเสียงจากเพื่อนถึงเพื่อน รุ่นพี่ และเหล่ารุ่นน้องคนรุ่นใหม่ GEN Z
รู้สึกยังไงกับคำว่ารักตัวเอง
ฮอนเล่าให้พวกเราฟังว่า ส่วนใหญ่แล้วเขาจะได้ให้เสียงสัมภาษณ์เรื่องความเศร้าเป็นส่วนใหญ่ การสัมภาษณ์นี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาส่งเสียงถึงความรักและความหวังที่ทำให้เขาได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วข้างในเขานั้นมีความหวังที่อยากจะแชร์เยอะมาก ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ต้องอยู่คนเดียวจากโรคระบาด เขาได้เล่าให้เราฟังว่า มันเป็นช่วงเวลาที่พาเขาเข้ามารู้จักคำว่ารักตัวเองมากขึ้น จากที่ไม่เคยรู้จักมันมาก่อน
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6492a1b6d9bfcd3d8ed4c7ec_SELF-LOVE-Hon_02-1367x2048.jpeg)
“จริงๆ เราไม่รู้จักคำนี้มาก่อน ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พอเราไม่รู้จักการรักตัวเอง มันก็ทำให้เรารู้สึกร่วงหล่น เราได้มารู้จักคำนี้หลังจากการใช้เวลากับตัวเอง ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และหาว่าอะไรที่สามารถปกป้องเราจากโลกภายในได้บ้าง ถ้าเล่าให้เห็นเป็นภาพ เรารู้สึกว่าการรักตัวเองคือการอยู่ในโลกของเรา อยู่บนดวงดาวของเรา คอยโบกมือให้คนอื่นเห็นว่าเรายังอยู่ตรงนี้ เราพร้อมจะต้อนรับทุกคนที่อยากมาเยี่ยมดาวเรา ความรักต่อตัวเองทำให้เราสร้างอะไรสักอย่างที่เป็นตัวเองออกมาได้ ความรักที่เรามีให้ตัวเองจะทำให้เราดูแลตัวเองได้ และดูแลคนอื่นได้ด้วย ซึ่งแต่ก่อน เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ดูแลคนอื่นจนไม่เคยสงสัยเลยว่า เราเคยเทคแคร์ความรู้สึกตัวเองบ้างหรือเปล่า”
การรักตัวเองสามารถช่วยให้เรามีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้เฮลตี้ขึ้นไหม
“สำหรับเรา หลังจากได้มีเวลาอยู่กับตัวเองในช่วงโควิด มันทำให้เรารับมือกับตัวเอง ได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับตัวเองยังไง และไม่คาดหวังให้คนอื่นมาทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะการใช้เวลากับตัวเองทำให้รู้วิธีดูแลตัวเองว่า เราสามารถสร้างความหวัง สามารถทำให้รู้สึกดีกับตัวเองได้นะ ซึ่งพอหลังจากผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไป มันทำให้เราอยู่กับคนอื่นได้เฮลตี้มากขึ้น ดูแลคนอื่นได้ดี และเราก็ดูแลตัวเองได้เฮลตี้ขึ้นด้วย”
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6492a1b6d9bfcd3d8ed4c7f6_SELF-LOVE-Hon_03-1367x2048.jpeg)
การรักตัวเองมีผลอย่างไรต่อการสร้างสรรค์ผลงานเพลง
“ก่อนหน้านี้ Hope The Flowers มันเริ่มจากความเศร้า เมื่อ 4-6 ปีที่แล้ว เราพยายามสร้างความเศร้าให้คนเข้าใจ แต่ทำไปสักพัก คนที่ฟังมันดูไม่เห็นเศร้าเลย มันดูมีความหวังมากเลยนะ ไม่เข้าใจว่ามันเศร้ายังไง เราไม่เข้าใจนะ ตอนแรกก็ว่าทำไมมันดูเป็นความหวัง เป็นการโอบกอดคนอื่นได้ จนผ่านมาสักพักหนึ่ง เราเริ่มทบทวนตัวเองได้ เพลงของเราช่วยโอบกอดคนอื่นเฉยเลย มันฟังแล้วมีความหวังทั้งที่เพลงเศร้า เรามอบพลังความหวังให้กับผู้คนก็เลยคิดว่า Hope The Flowers คือเด็กน้อยคนหนึ่งที่เดินอยู่แล้วบอกว่า “ทุกคน มันไม่เป็นไรนะ เราจะโอบกอดทุกคนด้วยเพลงของเราเอง” ”
Hope The Flowers คือเด็กและเพื่อนแห่งความหวัง
ฮอนเล่าเสริมว่าดนตรีของ Hope The Flowers เป็นเหมือนเพื่อนที่บอกทุกคนว่า ถึงจะเศร้า ถึงจะมีวันที่ไม่มีหวัง มีวันที่ไม่รู้สึกถึงรักบ้าง แต่เพลงเหล่านี้ก็จะเป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างเคียงในช่วงเวลาเหล่านั้น ไม่ว่าจะอยากเศร้าให้สุด หรืออยากเติมความรัก ความหวัง ก็สามารถฟังเพลงของวงนี้ได้
“เราอยากให้คนที่ฟังเพลงเข้าใจว่าเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่รักตัวเอง แต่ก็หันมารักตัวเองบ้าง และมันยังมีคนมากมายเหมือนกัน ที่รักตัวเองบ้าง ไม่รักตัวเองบ้าง เราอยากจะบอกว่า การรักตัวเองมันใช้เวลาเรียนรู้นานเหมือนกันนะ กว่าที่จะเข้าใจการโอบกอดตัวเอง เราว่าคนที่ฟังเพลงเราอยู่ก็จะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ตามช่วงเวลาของเขา”
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6492a1b6d9bfcd3d8ed4c807_SELF-LOVE-Hon_04-1367x2048.jpeg)
‘ความหวัง’ และ ‘ความคาดหวัง’ เหมือนกันไหม
“จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่เชื่อเรื่องความหวัง ความหวังมันไม่เหมือนกับความคาดหวัง ความหวังมันคือการที่เราเชื่อว่าจะสามารถทำมันได้ แต่ความคาดหวังคือความเชื่อว่า เราจะต้องทำได้แน่นอน ต้องสำเร็จแน่นอน ความหวังคือการเรียนรู้ว่า ถึงจะทำอะไรสักอย่างแล้วไม่สำเร็จ ทำไม่เสร็จสิ้น แต่ชีวิตที่มีหวัง มันสามารถปรับกันใหม่ได้
ถ้าเส้นทางนี้ไม่สำเร็จ มันยังมีทางอื่นอีก ไม่เหมือนโลกสมัยก่อน ในมุมมองของตัวเราที่อายุขึ้นต้นด้วยเลข 3 เรารู้ว่าอะไรที่ไม่สำเร็จเป็นเรื่องธรรมดา ทุกนาทีมันมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง เราจะไม่สามารถอยู่กับโลกตรงนี้ได้ และบนโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่ทำให้คนเรามีความหวังในการใช้ชีวิตอยู่ต่อได้”
มีอะไรที่อยากจะสะท้อนไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่บ้างไหม
ท้ายที่สุดแล้ว เราชวนฮอนมาแชร์ถึงประสบการณ์ของเขาที่ได้ทำงานกับคนรุ่นใหม่ ได้ทำดนตรีที่เชื่อมต่อกับกลุ่มคนหลากหลายช่วงวัยว่า เขาเห็นอะไรมาบ้าง และมีเรื่องอะไรที่อยากจะสะท้อนเป็นหนึ่งเสียงของความรักไปให้พวกเขาบ้าง ฮอนได้เล่าว่า การรักตัวเองหรือมีความหวังข้างในตัวคนเรานั้น มันเป็นเหมือนดอกไม้ที่ต้องรอคอยและใช้เวลาตามธรรมชาติ ถึงจะเบิกบานได้อย่างงดงาม
“กว่าดอกไม้จะบาน มันต้องใช้เวลา กว่าจะขึ้นเป็นต้นก็ต้องรดน้ำ เฝ้ารอว่าจะบานเมื่อไหร่ มันมีทั้งร่วงโรย เหี่ยวเฉา แต่เชื่อเถอะว่ามันกลับมาเบ่งบานได้ ถ้าเราเร่งดอกไม้ให้เติบโต มันก็จะอยู่กับเราได้ไม่นาน มันจะร่วงหล่น เหมือนความรู้สึกของคนรุ่นเราและคนรุ่นใหม่ที่กว่าจะโตเป็นดอกไม้ เสียงสะท้อนที่อยากส่งถึงพวกเขาก็คือ เด็กรุ่นใหม่ทุกวันนี้เก่งกันมาก ทุกอย่างที่เขาทำมันฉับไว ต่างจากเราที่เป็นคนค่อยๆ ใช้เวลา”
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/6492a1b6d9bfcd3d8ed4c7f2_SELF-LOVE-Hon_05-2048x1367.jpeg)
“เรารู้สึกว่ามันคงยากที่คนรุ่นใหม่จะได้ใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเอง แต่เราเชื่อว่าการดำเนินชีวิตมันต้องค่อยๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ เหมือนดอกไม้ ถ้าเราไปเร่งแล้วดอกไม้ไม่บานโดยธรรมชาติ เราจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าความงามของมันคืออะไร เราจะหลงลืมว่าเราคือใคร เราชอบหรือไม่ชอบอะไร เราอยากส่งเสียงว่า ไม่อยากให้ลืมตัวเอง ให้เวลาตัวเอง ดูแลตัวเอง และอยากจะมาชวนรักตัวเองไปด้วยกันอย่างมีความหวังนะครับ”
ติดตาม Hon ได้ที่
Instagram: hopetheflowers