Culture

1 ตัวตน 2 บทบาทของ Jeney AKIRA KURØ

‘ไอดอลสาว และนักมวยปล้ำหญิง สองบทบาทที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ แต่เกิดขึ้นแล้วกับ Jeney AKIRA KURØ

ผู้เขียนเชื่อว่านี่คือคำโปรยที่อธิบายความน่าสนใจของ ‘เจนนี่’ ได้ดีที่สุด เพราะวันนี้ไอดอลสาวจากวง Alternative Rock อย่าง AKIRA KURØ กำลังเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะนักมวยปล้ำหญิงคนล่าสุดของค่าย SETUP จะพูดว่าเธอคือความแปลกใหม่ในวงการมวยปล้ำบ้านเราเลยก็ว่าได้ เพราะช่วยลบภาพจำเดิมๆ ของบางคนที่เคยมีต่อไอดอล และนักมวยปล้ำหญิงไปโดยสิ้นเชิง

“ไอดอลไม่จำเป็นต้องตัวเล็ก บอบบาง และนักมวยปล้ำหญิงก็ไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่ กล้ามแน่นเสมอไป”

แนะนำตัวกับชาว EQ หน่อย

ชื่อเจนนี่นะคะ เป็นแวมไพร์ (หัวเราะ) ตอนนี้เป็นทั้งนักมวยปล้ำและไอดอลค่ะ

เส้นทางไอดอลที่ก้าวสู่บทบาทนักมวยปล้ำ

หนูมีความชื่นชอบเกี่ยวกับมวยปล้ำมาตั้งแต่เด็กแล้ว คือก่อนหน้านี้ชอบดูหนังบู๊เป็นทุนอยู่แล้ว พอได้ดู WWE เลยอินมาก หนูชอบแรนดี ออร์ตัน พอดูเขาแล้วรู้สึกว่าเกิดแพสชั่น อยากมีโอกาสได้ถือเข็มขัดแชมป์เหมือนเขาบ้าง แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าที่ไทยมีค่ายมวยปล้ำไหม เลยพับความฝันเก็บไป แล้วก็มาเป็นไอดอล

พอได้เป็นไอดอล ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับ SETUP ไปโชว์เปิดเวที ทำให้ความรู้สึกที่อยากจะเป็นนักมวยปล้ำกลับมาอีกครั้ง และพอดีว่าเขาจัดรายการ 24/7 CHAMPIONSHIP ช่วงนั้นพอดี ก็เลยไปท้าแข่ง และได้แชมป์มาด้วย

ปฏิกิริยาคนรอบข้างเมื่อเจนนี่จะเป็นนักมวยปล้ำ

แฟนคลับก็ตกใจค่ะ แบบเฮ้ย! ไปมวยปล้ำเลยเหรอ แต่ก็ไม่มาก เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยส่วนตัวของหนูมีความ Masculine นิดหนึ่ง ค่อนข้างเหมือนเด็กผู้ชาย ทุกคนเลยซัพพอร์ตและยินดีกับหนู แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เขาห่วงว่าหนูจะเจ็บ แต่หนูก็จะบอกเสมอว่า หนูเป็นแวมไพร์ หนูไม่เป็นไร หนูเก่ง!

เจนนี่เป็นนักมวยปล้ำแบบไหน

เป็นคนเก่ง แล้วก็เป็นคนสวยด้วย มีความมั่นใจเต็มร้อย (หัวเราะ) แต่กำลังค้นหาตัวเองอยู่ว่าจะมุ่งไปสายไหนดี ความฝันคืออยากลองแบบสไตรค์กันหนักๆ ต่อยหนักๆ

เวทีแรกกับประสบการณ์ถัดมาที่เกินความคาดหวัง

ตอนแรกคาดหวังว่าจะได้สานฝันวัยเด็กเฉยๆ แค่ได้ขึ้นเวที 24/7 ก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องชนะก็ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาทางนี้แบบระยะยาว

หนูหันมาจริงจังกับมวยปล้ำหลังจากที่ได้แชมป์ 24/7 และหลังจากกลับจากญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้หนูเคยไปญี่ปุ่นกับวง (AKIRA KURØ) แล้วพี่ปูมิก็ให้บัตรไปดู ChocoPro รอบหนึ่ง ตอนนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะถึงแมตช์สุดท้ายของหนูพอดี มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หนูคิดว่าจะไปต่อดีไหม ซึ่งตอนนั้นหนูได้เห็นการปล้ำของอาจารย์มาสะ กับอาจารย์ซากุระ แล้วรู้สึกอยากเก่งเหมือนเขา และอยากเป็นนักมวยปล้ำต่อมากๆ ก็เลยกลับมาบอกพี่ปูมิ (ผู้บริหารค่าย SETUP) ว่าหนูอยากร่วมงานต่อ

เวทีนี้แหละที่ภูมิใจสุดๆ

หนูแข่งมา 5 แมตช์แล้ว แต่ STARDOM Special Tournament in Bangkok เป็นแมตช์ที่ชอบที่สุด เพราะเป็นเวทีที่ได้เริ่มฝึกซ้อมในหลักสูตรของนักมวยปล้ำจริงๆ ทำให้ฟอร์มดูเหมือนนักมวยปล้ำมากขึ้น แล้วก็รับแรงกระแทกหลายๆ อย่างได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ ย้อนดูแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง แขนก็ไม่รู้จะไว้ไหน เก้งก้างไปหมด โดนกระทืบก็จะโอ๊ย ไม่ไหวแล้ว อีกอย่างคือแมตช์ของ STARDOM ด้วย เป็นเวทีที่ใหญ่มากๆ และเป็นความฝันของใครหลายคน รวมถึงหนูด้วย

หมายความว่าเราเพิ่งจะมาซ้อมมวยปล้ำจริงจังได้ไม่นาน

ก่อนหน้านี้ก็ซ้อมค่ะ แต่ซ้อมเพื่อขึ้นแสดง แต่ตอนนี้เริ่มซ้อมพื้นฐานทุกอย่างใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นม้วนหน้า ตบเบาะ มันคือความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เพราะตอนแรกไม่รู้เลยว่าต้องเรียนเบสิกพวกนี้ด้วย ทำให้บาดเจ็บเพราะลงผิดท่า

ก่อนหน้านี้ก็เจ็บมาเยอะ

เจ็บมาเยอะ จุกด้วย เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีพื้นฐานอะไรมาก เวลามันสั้นด้วยค่ะ แต่พอเรารู้พื้นฐาน ทำถูกท่า ถูกวิธีแล้ว มันก็ไม่เจ็บ มวยปล้ำก็ไม่ใช่กีฬาที่อันตราย

สู้กับ MATCHA บ่อยมีหวั่นไหม เพราะเราตัวเล็กกว่า

ก็นิดหน่อยค่ะ แต่หนูเป็นแวมไพร์หนูก็ไม่ค่อยกลัวมนุษย์อยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่จริงๆ พี่เขามีประสบการณ์มากกว่าหนู เลยไม่ค่อยมีการผิดคิวเกิดขึ้น เขาช่วยเซฟหนูได้ระดับหนึ่งเลย

ความเหมือนหรือต่างเมื่อเป็นไอดอลและนักมวยปล้ำ

เหมือนกันหลายพาร์ทค่ะ เช่น เพอร์ฟอร์แมนซ์และการเอนเตอร์เทน ที่เราต้องเล่นกับคนดู และดึงดูดคนดูให้ได้ สิ่งนี้หนูก็เอาจากการเป็นไอดอลมาใช้กับมวยปล้ำได้เลย เพราะหนูก็เป็นฝั่งคนดีอยู่แล้ว เลยสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่

ส่วนความต่างก็จะมีเรื่องความปลอดภัยค่ะ เพราะมวยปล้ำให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราก็ต้องซ้อมมากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับต้องปรับตัวอะไรเยอะค่ะ

ความยากเมื่อสองบทบาทมีภาพลักษณ์ที่ขัดกันอยู่

ก็มีบางอย่างที่สายตาคนนอกอาจไม่เข้าใจ อาจด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงในแวดวงที่นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ก็มักจะถูกจับตามองมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว เช่น เรื่องความปลอดภัย ผู้สูงอายุที่บ้านเขาก็จะเป็นห่วง เพราะมองว่ามันรุนแรง เราก็ต้องพิสูจน์ให้เขาดูว่ามันไม่ได้อันตราย

หรือว่าการที่ต้องแตะเนื้อต้องตัวกันเยอะ แฟนคลับหนูเข้าใจอยู่แล้วว่ามันเป็นงาน แต่คนนอกอาจไม่เข้าใจ หนูก็คงจะไม่ได้ไปนั่งอธิบายอะไร อาศัยการทำให้เห็นว่านี่มันคือกีฬา มันคืองาน และเราจริงจังกับมัน เราไม่ได้มาในฐานะไอดอลคนหนึ่งที่มาแค่เล่นๆ แต่เราเป็นนักมวยปล้ำจริงๆ โชคดีที่ค่ายฯ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ถ้าเราไม่สบายใจตรงไหน ก็แจ้งได้เลย

เป้าหมายของ Jeney AKIRA KURØ หลังจากนี้

สำหรับพาร์ทมวยปล้ำ เป้าหมายไกล คือ อยากมีโอกาสไปร่วมงาน หรือไปขึ้นแสดงกับค่ายญี่ปุ่น ส่วนเป้าหมายใกล้ คืออยากฝึกฝนให้ได้มากที่สุด อยากพยายามผลักดันตัวเองให้เก่งขึ้นให้ได้ อย่างน้อยปีหน้าหนูจะต้องเก่งในระดับที่ดูแมตช์ของตัวเองแล้วรู้สึกว่าเราทำออกมาได้ดีจริงๆ

ส่วนพาร์ทไอดอล เราก็มีความฝันว่าอยากจะไปแสดงที่ต่างประเทศด้วย คือเมื่อไม่นานมานี้เราก็มีโอกาสไปแล้ว แต่ก็มีแผนว่าปีหน้าเราจะไปอีกเหมือนกัน

“ถึงทุกคนที่เชียร์หนู ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทไอดอลหรือมวยปล้ำ ตอนนี้หนูก็รู้สึกว่าหนูอาจจะยังไม่ได้เก่งขนาดนั้น หนูอาจจะยังเดินช้ากว่าคนอื่น แต่ก็อยากให้ทุกคนเชื่อในตัวหนูว่า ถ้าหนูตั้งใจกับทั้งสองพาร์ทจริงๆ สักวันหนึ่งหนูก็จะประสบความสำเร็จได้ ก็อยากให้คอยเชียร์อยู่ข้างๆกัน จนถึงวันที่หนูประสบความสำเร็จ”

ติดตาม Jeney AKIRA KURØ ได้ที่

Facebook: Jeney AKIRA KURØ และ SETUP Thailand Pro Wrestling

Instagram: @jeney_akirakuro