ได้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพเป็นรายแรกของช่วงซัมเมอร์นี้เสียที สำหรับ 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งได้เปิดตัว เมสัน เมานท์ กองกลางทีมชาติอังกฤษเป็นสมาชิกใหม่เรียบร้อยแล้ว หลังยอมจ่ายค่าตัวด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 60 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 2,600 ล้านบาทเลยทีเดียว และยกเสื้อหมายเลข 7 ให้สวมใส่ลงสนามไปเลย แม้จะถูกมองว่าควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าตัวแพงเกินไป เพื่อแลกเปลี่ยนกับการคว้านักเตะที่เหลือสัญญาค้าแข้งกับ 'สิงโตน้ำเงินคราม' เชลซี อีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่เพื่อตอบสนองความต้องการของกุนซือ เอริค เทน ฮาก ซึ่งเคยตกเป็นข่าวว่าได้หมายปองในฝีเท้าของดาวเตะวัย 24 ปีมาตั้งแต่ตอนที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมลงทุนตามเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อให้โค้ชชาวดัตช์ได้คว้าตัวมาใช้งานแบบสมใจอยากไปเลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bceb19fbccaa7f9c24c_LmfeIrF63xlvu5dInWOqBgXSIQyytWO-O0T1SMGrwJ4rq68KqbJX_A5ymUzF8s5d4ZAgzyuPW_ngPAHo0nLY_FQVx2OZ_7RThx0xKs83JdhB7e7epFJIeV1X9RARaa2BcTJfbrirhfFh6DnjSZGTbJ4.jpeg)
รักแรกพบของ 'เทน ฮาก-เมานท์'
ย้อนหลังกลับไปในปี 2017 เมานท์ ได้เริ่มแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกจากการเป็นเด็กปั้นของ เชลซี และทำผลงานในทีมเยาวชนไปแบบน่าประทับใจมากๆ แต่เป็นเพราะว่า 'สิงโตน้ำเงินคราม' มีผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางให้เลือกใช้งานได้หลายคนเลย จึงยังไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นในทีมใหญ่ และถูกปล่อยให้ย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดนกับ วิเทสส์ อาร์เน่ม ทีมลูกหนังในเนเธอร์แลนด์ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล เพื่อโอกาสที่จะได้พัฒนาฝีเท้าจากการลงสนามแบบต่อเนื่อง เพราะดีกว่านั่งเป็นตัวสำรองอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อยู่แล้วด้วย โดยตอนนั้น เอริค เทน ฮาก ได้ก้าวเท้าเข้ามาสวมบทเป็นกุนซือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในช่วงปลายปี 2017 จึงได้คุมทีมเผชิญหน้ากับ เมานท์ เมื่อตอนสมัยที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นครั้งแรกในศึกเอเรดิวิซี่นัดที่ต้องยกพลบุกไปเยือน วิเทสส์ เมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 ปรากฎว่า เมานท์ ได้สร้างความเจ็บช้ำใจให้กับโค้ชชาวดัตช์ เพราะมีส่วนช่วยให้ วิเทสส์ เปิดบ้านเก็บชัยชนะเหนือ อาแจ็กซ์ 3-2 และทำผลงานบนดินแดนกังหันลมในช่วงตลอดทั้งฤดูกาล 2017/2018 ได้แบบน่าประทับใจ แม้จะสวมบทเป็นกองกลางตัวรุก แต่ฝากผลงานยิงประตูได้มากถึง 14 ลูก และสามารถปั้นเกมบุกได้อย่างโดดเด่นจากการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมสอยตาข่ายได้มากถึง 10 แอสซิสต์เลยด้วย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bceb049a8d541b6fa8b_4dxBUrbqY_FtKuKpivfRYbaRj-sE7QKJ3_1kZ7XlD6WxwQ8shvCbtyOHKQe8yjE3qJMG-tqhuaxT_-uxkoV14LYtPjxlwF6CFaDjvGBDNUZga_NsMGdb9e8ja7L7lu_YExe65jgqyATGNXweT1-dawM.jpeg)
พรหมลิขิตให้ได้ร่วมก๊วน 'ผีแดง'
ทำให้ เทน ฮาก ติดอกติดใจในฝีเท้าของ เมานท์ เป็นอย่างมาก และได้ให้ อาแจ๊กซ์ ติดต่อไปหา เชลซี เพื่อขอยืมตัวมาใช้งานในช่วงฤดูกาล 2018/2019 เสียเลย แต่ว่าต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากมิดฟิลด์ชาวอังกฤษได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตำนานนักเตะรุ่นพี่เมื่อตอนสมัยที่คุมทัพ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ด้วยสัญญายืมตัวนั่นเอง ส่งผลให้โค้ชชาวดัตช์ต้องชวดร่วมงานกับ เมานท์ เหมือนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนนั้นแบบน่าเสียดายเหลือเกิน และหลังจากนั้นดาวเตะทีมชาติอังกฤษได้ย้ายกลับมาเป็นตัวหลักของ เชลซี ตั้งแต่ปี 2019 พร้อมกับพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางระดับหัวแถวได้สำเร็จ แถมยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทัพลูกหนัง 'สิงโตน้ำเงินคราม' ประสบความสำเร็จจากการคว้าถ้วยแชมป์ได้แบบต่อเนื่องเลย โดยเฉพาะในช่วงปี 2021 ได้ยึดบัลลังก์ 'เจ้าสโมสรยุโรป' ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และได้ชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ รวมถึงการยึดบัลลังก์ 'เจ้าสโมสรโลก' ในฐานะแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ นั่นเอง แม้ว่าในช่วงฤดูกาล 2022/2023 จะประสบปัญหาบาดเจ็บ จึงส่งผลกระทบต่อเรื่องของฟอร์มการเล่นไปด้วยเลย แต่สุดท้ายโชคชะตาได้ลิขิตให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสร่วมงานในช่วงย้ายมาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce69458bbc5a6a6181_z3sOQw_PoEUZg6MRgkQX2JEsCQtFLsuaWEx1TRHPsMVQ0XrW1oBiQzq0zkrUfbPl5_i4xy2fJQTx5BbDUMqUZU86SrRfY5OeqIHsBHCeukD9eSOVW4fR5-ID0707makisP_BR1Ixt9VTWcJEhnnlK-4.jpeg)
พร้อมช่วยเพิ่มมิติในแผง 'มิดฟิลด์'
สำหรับดาวเตะวัย 24 ปีถือว่าเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในแดนกลางได้เลย เพราะสามารถยืนเล่นในแผงมิดฟิลด์ได้ทุกตำแหน่ง และพร้อมขยับขึ้นไปช่วยเกมรุกจากการสวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายได้ด้วย จึงกลายเป็นตัวหลักของ เชลซี ในช่วงหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมาไปเลย ทำให้ เทน ฮาก มีตัวเลือกสำหรับการจัดทัพในแดนกลางเพิ่มอีกหนึ่งราย เพื่อให้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระในตำแหน่งของ คริสเตียน อีริคเซ่น มิดฟิลด์ทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งมีอายุมากถึง 31 ปีแล้ว และต้องติดเครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจลงสนามอีกต่างหาก หรือจะให้ขยับขึ้นไปสวมบทเป็นตัวปั้นเกมแทนที่ของ บรูโน่ แฟร์นันเดส กองกลางทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งสามารถถ่างออกไปสวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาได้ด้วยเช่นกัน หรือจะโยกออกไปทางด้านข้างเพื่อให้ยืนเล่นในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้ายแทนที่ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด แนวรุกทีมชาติอังกฤษ ซึ่งพร้อมหุบเข้าไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าได้เหมือนกัน นอกจากนี้ เมานท์ ยังสามารถทำหน้าที่เตะลูกนิ่งพวกฟรีคิก รวมถึงลูกเตะมุมได้อย่างแม่นยำเลยด้วย จึงพร้อมแบ่งเบาภาระของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ซึ่งรับหน้าที่เหมาพวกลูกตั้งเตะทั้งหมดเลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce07ddeb5aee2cf163_farFJVkpBAaVAFKQW0RErvLzb9iPF6cqG3Y6IWN09_En11ljYr6hwV4kuw2HZmGe8eoZ4g9u4JqcN8D2qC-9pdzNx-eSnjmF71OqBhuNDW_zANQR1r_mIahScmIMKZthQ496UO2W5z-H1y64twKdYMU.jpeg)
ใส่เบอร์ 7 รอพิสูจน์ 'ปัง' หรือ 'แป้ก'
เนื่องจาก เมานท์ ได้รับความไว้วางใจให้สวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ในตำนานของ 'ปีศาจแดง' เพราะว่ามีนักเตะรุ่นพี่หลายๆ คนที่เคยสวมใส่เบอร์นี้แล้ว 'ปัง' เหมือนอย่าง 5 แข้งดังในตำนานดังต่อไปนี้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bcf6abb1c530eba3663_FIBMkIfhSr00AGPj-rV4Qz5FyAy2pVLimF3OvoayJNxpykt3axx2yK7DOFSMeGmDtzv12rEN0EibGwsaEwfjtrIn3NNFnONifRTRSj2KMMWmLXchje1NlOMWqjk0cTwR0pzo0Oxq7cvHPpJaD2YdYhE.jpeg)
ไล่ตั้งแต่คนแรก นั่นก็คือ ‘จอร์จ เบสต์’ ตำนานปีกทีมชาติไอร์แลนด์เหนือผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามแบบไทยๆ ว่า 'เทพบุตรมหาภัย' โดยเคยใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 1963-1974 แถมยังเป็นขุมกำลังสำคัญในทีมชุดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อปี 1968 และเป็นการประเดิมยึดบัลลังก์ 'เจ้าสโมสรยุโรป' เป็นครั้งแรกของสโมสรไปเลยด้วย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce47184c7c59b377d1_F2aJlJISbbG4YOHo6wZ7xj44lfBZNDV4lv-K8L_CDvx7BFzPA9p3lIxzrU1yNp6M2ZjxpDlus48ehCrqr5cKeTxhkOXLHuJEhw2l8qxU3-AAcZqTBleHUFPw7IJzoXY9G8a9h6BigYE-Pky_8RYm8hY.jpeg)
คนที่ 2 นั่นก็คือ ‘ไบรอัน ร็อบสัน’ ตำนานกองกลางกัปตันทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามว่า 'กัปตันทีมมาร์เวล' หรือ 'กัปตันกระดูกเหล็ก' ในแบบไทยๆ เพราะมีสไตล์การเล่นที่ดุดันแบบสู้ไม่ถอยนั่นเอง โดย 'ร็อบโบ้' เคยใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 1981-1994 และมีส่วนช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จได้แบบต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัยซ้อนในช่วงต้นทศวรรษ 90 นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bd08ff2412783e1c54d_ujl2dfQdFYkaVWLHoc-3tHzQ43e987wixCXJXDU-OkldRqbgIwcrmiLbXi2wkcnKk7nMzw2gdgxIfnB1lidlmGIPx6hI7SaY2Wb6T366UnOceIZsXS-ngk6SbYfjNsnvWtLqZMVGfDnQwiIMs0mb7vE.jpeg)
คนที่ 3 นั่นก็คือ ‘เอริค คันโตน่า’ ตำนานกองหน้าชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นนักเตะเลือดร้อนตามประสาของศิลปินแห่งวงการลูกหนังโลกในช่วงทศวรรษ 90 โดยเคยใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 1993-1997 และมีส่วนช่วยให้สโมสรยึดแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 สมัยเลยทีเดียว
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce2be312711649d2ea_kTSl6VUyP0U_qN7ZLEWzJdP8IvKuWaAbaP0t4GAJd4oBXmCHs2jauZKquelMnMz3X6yAbjP2IFy9Ix48WwgX2J8u5Unv3R7efzA2DK3ZVhmfO6TntEU-aCiQE_GoFDA_SnYk_YfK3n6SFi3zxcmYSoc.jpeg)
คนที่ 4 นั่นก็คือ ‘เดวิด เบ็คแฮม’ ตำนานกองกลางชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามแบบไทยๆ ว่า 'เจ้าพ่อลูกนิ่ง' เพราะสามารถยิงประตูจากลูกฟรีคิกได้อย่างแม่นยำ และเป็นนักเตะขวัญใจสาวๆ ในช่วงทศวรรษ 90 จากหน้าตาที่หล่อเหลานั่นเอง โดยเคยใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 1997-2003 และมีส่วนช่วยให้สโมสรเข้าป้าย 'ทริปเปิ้ลแชมป์' จากการกวาดถ้วยรางวัลในช่วงปี 1999 ได้ถึง 3 รายการใหญ่ ไล่ตั้งแต่ แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมใป์เอฟเอ คัพ และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bcfdd45f85b84d6fba5_suno5-aLRFFIkI_HcsO5fSC_M10zpi50SlYscvKORQg6QZZ0IBpODT8u6JJVb9jJ9SRkTzvut1bkOntRvQVx5OvFi_vU32jSEYc5NtsK8ATxfNeXPiHndeOMdbkSGjpelTR6INiaRe3zc9Uf2wYm67M.jpeg)
ปิดท้ายด้วยคนที่ 5 นั่นก็คือ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งเคยใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' มาแล้วถึง 2 รอบระหว่างปี 2003-2009 และในช่วงระหว่างปี 2021-2022 โดยเคยมีส่วนช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จจากการควย้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย รวมถึงได้ชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 อีกต่างหาก แต่ว่าต้องแยกทางกันเมื่อช่วงปลายปีก่อนได้แบบจบไม่สวยเลยด้วย
แต่ว่ามีนักเตะหลายๆ คนที่เคยใส่เสื้อเบอร์นี้แล้ว 'แป้ก' ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาเหมือนอย่าง 5 อดีตนักเตะของสโมสรดังต่อไปนี้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bcf33630c47251675f4_uqNi-8GhOcKSN-GEauFNWrA6KwsnReIdcZjBNMH4NeuutP-gp2vippDXfMwaA2E-eIVqo1_JryLuK6HMTx0a2k9AJyTUfyb0NMmlDBvbDHrNthRtb-1Nrg3nLp4CcJ-AFht6GuxRdyz-2TP5r9eqmKE.jpeg)
เริ่มจากคนแรก นั่นก็คือ ‘ไมเคิล โอเว่น’ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ แม้จะแจ้งเกิดจากการเป็นเด็กปั้นของ 'หงส์แดง' ลิเวอร์พูล จนกลายเป็นตำนาน และได้เคยย้ายข้ามฟากมาใส่เสื้อเบอร์ 7 เพื่อลงสนามรับใช้ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 2009-2012 แต่ว่ามีประสบเรื่องสภาพความฟิต และมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ จึงได้รับโอกาสให้ลงเล่นน้อยมากๆ เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce8af1462745c3b409_YDx9WZQnsqCVlDmNr89_jWznm12nAc1n4Rhc_rmrngIYP6ORjhZ8_grZzA3Ir2X6_cfPgftTkw9Ld_PqM5pLLQ05zZ1wHueaoR1_GVliZMRUf83b_AZ0HzqJkCtcecmQH4VoAjuTUfSpthAWz_lbl6w.jpeg)
คนที่ 2 นั่นก็คือ ‘หลุยส์ อันโตนิโอ วาเลนเซีย’ อดีตปีกทีมชาติเอกวาดอร์ ซึ่งเคยปักหลักค้าแข้งกับ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 2009-2019 และได้รับความไว้วางใจให้ใส่เสื้อเบอร์ 7 ในช่วงฤดูกาล 2012/2013 แต่กลับงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์ในช่วงซีซั่นนั้นไม่ได้เลย จึงตัดสินใจกลับไปใส่เสื้อเบอร์ 25 เหมือนเดิมดีกว่า
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce00301e6e398edc13_QOPTbbIxX-YPUK_93boYhQUPSA5IWtZMmEXVaMDOhrQEUm41PBh-UO6z4gIJMC1PByj9UiYRILSCAiQM-x_iuHUHI0_C7Ggxty-nG3tpLkhgDwx0OdjxBU237dN8b42_2Fq0ucPF_MrXAw6415gQpi8.jpeg)
คนที่ 3 นั่นก็คือ ‘อังเคล ดิ มาเรีย’ ปีกทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งได้ย้ายมาค้าแข้งกับ 'ปีศาจแดง' ในฤดูกาล 2014/2015 หลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษในยุคนั้นสูงถึง 59.7 ล้านปอนด์ และได้สวมใส่เสื้อเบอร์ 7 แต่กลับมีปัญหาเรื่องการปรับตัวอย่างรุนแรง จึงต้องตัดสินใจย้ายไปซบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงหลังจากที่ได้ย้ายมาค้าแข้งเพียงแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3bce1caf9bd8d80ea008_eUaoQp9L1xl_-sY6rMj7MVs706u6Kvfw_bG6_FnTGpLUxGTh3WT83L4pB-l5gPhoyIo3hW09mP3FARcbB7ezawmTaTiwZ9v-Hxm1MXyFnNhwkjLBlZ38f8aLb0Bg2Q6MfZBfHmvpUXAnBTVa77wOZss.jpeg)
คนที่ 4 นั่นก็คือ ‘เมมฟิส เดปาย’ กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ย้ายมาค้าแข้งกับ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 2015-2017 และได้รับความไว้วางใจให้ใส่เสื้อเบอร์ 7 ด้วยเช่นกัน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ฝีเท้าได้เหมือนอย่างที่หลายๆ คนตั้งความหวังเอาไว้ จึงต้องตัดสินใจย้ายออกไปในที่สุด
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/656c3cbf203b63cbd68877ec_EQ%20Kicks%20Mason%20Mount_14.jpg)
ตบท้ายด้วยคนที่ 5 นั่นก็คือ ‘อเล็กซิส ซานเชซ’ กองหน้าจอมเก๋าชาวชิลี ซึ่งได้ย้ายมาร่วมทัพ 'ปีศาจแดง' ระหว่างปี 2018-2020 และได้รับความไว้วางใจให้ใส่เสื้อเบอร์ 7 พร้อมกับรับความเหนื่อยเป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษในตอนนั้นสูงถึงสัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์เลยทีเดียว แต่ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์ได้เหมือนตอนที่เคยล่าตาข่ายให้ อาร์เซนอล ได้แบบเป็นกอบเป็นกำ จึงถูกปล่อยให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวไปใช้งาน และโละทิ้งแบบฟรีๆ ในช่วงปี 2020 ไปเลย
ส่วนในรายของ เมานท์ แม้จะถูกมองว่ามีค่าตัวแพงเกินไป หากดูจากสถานะที่เคยเป็นนักเตะใกล้หมดสัญญากับทีมต้นสังกัดเดิม แต่ว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษพร้อมเข้ามาช่วย 'ปีศาจแดง' ตามบทบาทของนักเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถยืนเล่นได้หลายตำแหน่ง เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการจัดทีมลงสนามในช่วงฤดูกาลใหม่ 2023/2024 และจะได้สวมใส่หมายเลข 7 เพื่อกอบกู้เบอร์เสื้อในตำนานตรงกับความต้องการของ เทน ฮาก ซึ่งประทับใจในฝีเท้าของมิดฟิลด์ชาวอังกฤษมานานแล้วด้วย จึงมีโอกาสได้ร่วมงานกันในฐานะ 'เจ้านาย' กับ 'ลูกน้อง' แบบสมใจอยากเสียที