เป็นอีกหนึ่งชาติลูกหนังที่มีนักเตะย้ายมาโชว์ฝีเท้าในลีกขวัญใจมหาชน นั่นก็คือ ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แบบต่อเนื่องเลย สำหรับ ญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศยักษ์ใหญ่จากทวีปเอเชีย นับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 1992 หลังจากนั้นมีนักเตะจากดินแดนปลาดิบได้เดินทางมาค้าแข้งให้กับทีมต่างๆ ในเมืองผู้ดีอยู่เป็นประจำ โดยตอนนี้มีมากถึง 13 คนแล้วตามรายชื่อดังต่อไปนี้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2fcf2af637cb923f5_CifEomuQeferb57UnwXjKgIquNTsoi7J7z7nV3WxNQ40E0PvuK7jHGTVTuIvB8FIaVAl7gepFWH2aHUwUPKeX-v91P4FPnsmaegMcfJf8t_hEhUo3wF6dHpcUTIpiCNIZdki4uFhNldUf7hmA3F-hQU.jpeg)
เริ่มต้นกันด้วยคนที่ 1 นั่นก็คือ ‘จุนอิชิ อินาโมะโตะ’ กองกลางเลือดซามูไรได้จารึกชื่อเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ย้ายมาโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีก โดยเริ่มต้นกับ อาร์เซนอล ในปี 2001 แต่ไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามแม้แต่นัดเดียว หลังจากนั้นถูกปล่อยให้ย้ายไปซบ ฟูแล่ม และ เวสต์บรอมวิช แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ แม้ว่าตอนนี้จะมีอายุมากถึง 43 ปีแล้ว แต่ยังคงค้าแข้งกับ นานกาสุ ทีมลูกหนังในบ้านเกิดแบบว่ายังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเล่นฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c26030dcd54223565a_etdotScLohnhwU9A3K-j0NEunu6HFB1rIK6z0ZTInof3xr1opNmqhfd23E4uTZ84Dd2aGtLPJvf5MBxOUU_eWmGxUV_fddN18P9SuMf98S6BgJGJ0sJtJZRJzaeIbxOMF5RYtzYdr_iYv-9nfEqzgUE.jpeg)
คนที่ 2 นั่นก็คือ ‘คาซูยูกิ โทดะ’ อดีตกองหน้าที่เคยย้ายมาร่วมทัพ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ในช่วงหลังยืมตัวมาจาก ชิมิสุ เอส พัลส์ ระหว่างปี 2002-2003 แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ และได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c25737374542644c4d_sZ24eT24wSJ4fEtlt2SgiC8---TZTAKOOm6exw-zksdldqOj_sxoIpEtOWHQh1Nxf_vo1pQTihh2HhTZ4EE5cZr20mklR2rZN3XANYkY-Y-XWO9aTWoGJ5ZTyC05YmBaltOD2SAkl-mjmR8EZvFMnuo.jpeg)
คนที่ 3 นั่นก็คือ ‘ฮิเดโตชิ นากาตะ’ ตำนานกองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งเคยสร้างชื่อจากการค้าแข้งในอิตาลีมาก่อน และเคยชูถ้วยแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ร่วมกับ โรม่า ในช่วงหลังจบฤดูกาล 2000/2001 จึงได้ย้ายมาโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีกให้กับ โบลตัน ในช่วงฤดูกาล 2005/2006 ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง เพราะได้ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลในปี 2006 นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c179f214a6fe994d6f_isbohrTZ8Z0ABwMgcH_cO9o0uz2BCRkkdf-z0SkuQ-TigKFnc3zcPM_-g9Jv4SXhhZdpgo14SZkffBTf9jqx1aW13xeRMFX8QzJO31r-wu_akiGaXAmjNkjKoAhCkKWeSch1zi73FghqcThpjbDTXZM.jpeg)
คนที่ 4 นั่นก็คือ ‘เรียว มิยาอิจิ’ อดีตปีกดาวรุ่งได้ย้ายมาร่วมทัพ อาร์เซนอล ระหว่างปี 2011-2015 แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ และได้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น โดยตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ โยโกฮาม่า มารินอส ในบ้านเกิดด้วยวัย 30 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c25b48dfe1ff53866b_5AktPg-1POBcXXtuyikOU4PTmxfVTcCnUWPpAEUxg1GY_uE9kbRQZmJEX2RwA1JKjnHVJ7W67wVkVcQGxzJV6lMNvGgxFRv_GDLO_ahBwcgX1NH444R4NHSOxk-BwO0XhhLXGXx3Bfx_Ag6oNy7P81w.jpeg)
คนที่ 5 นั่นก็คือ ‘ทาดานาริ ลี’ กองหน้าเลือดซามูไรเคยย้ายมาค้าแข้งกับ เซาแธมป์ตัน ระหว่างปี 2012-2014 แต่ว่าแจ้งเกิดไม่สำเร็จ และไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกแม้แต่นัดเดียว โดยตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ อัลบิเร็กซ์ นิกาตะ ในสิงคโปร์ด้วยวัย 37 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2e1d5444548fa1036_v86EsGAbwVWkVcIA6U0QFvWoau5_qbXaR31OObnevIc8SujEXDwkSHwy9GokoQNYkNT3o0RNumEX3zPrtmethudwiqzB89MbUrDETkdhBrQIu5XJXPAVRJn_KM0XPw4wQtjcEMA7Iro0f-QZd1uBP1M.jpeg)
คนที่ 6 นั่นก็คือ ‘ชินจิ คากาวะ’ แนวรุกจอมพลิ้วเคยสร้างชื่อกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเยอรมนี จึงได้ย้ายมาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2012-2014 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ด้วย แต่ว่าหลังจากนั้นได้ตัดสินใจพเนจรไปโชว์ฝีเท้าให้กับทีมต่างๆ โดยตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ เซเรโซ่ โอซาก้า ในบ้านเกิดด้วยวัย 34 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c3f441bb0d97e6cd5a_YxeruAA7cV3am8_UnDwYNAaFrYcG8JG9_r7nNpBIAuBT4rBqS_OfmnvZtKOAFVxRlyORUDKycE5JHIPTRbPYS5RDu3SoztwErIw7NBaNt-0fvJeUfJ0wD3R-BU0bAImsVibRigyucVwTMZa2p7vmVNA.jpeg)
คนที่ 7 นั่นก็คือ ‘มายะ โยชิดะ’ กองหลังร่างใหญ่เคยปักหลักค้าแข้งกับ เซาแธมป์ตัน ระหว่างปี 2012-2020 โดยตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ แอลเอ แกแล็คซี่ ในสหรัฐอเมริกาด้วยวัย 35 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c23c5338089a3c85c0_VPxwcCRWHvvPhjdSR72rsSa1opxym5_Ibu6MC9Bi8drjYztiOIK_1pjofZhHQW0NPtb6U8AQ3u6_Ah8zc1gNeIYO3FvrJsqBQu-DzI7XLiD5-sHJv9n4Zr0QipMBgn8ISw2s4MuQcJQzLw7z60xIyiY.jpeg)
คนที่ 8 นั่นก็คือ ‘ชินจิ โอกาซากิ’ กองหน้าเลือดซามูไรเคยปักหลักรับใช้ เลสเตอร์ ระหว่างปี 2015-2019 และอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงฤดูกาล 2015/2016 ได้แบบหักปากกาเซียนอีกต่างหาก โดยตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ แซงต์ ทรุยดอง ในเบลเยี่ยมด้วยวัย 37 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2437869d649ab915c_RaxQyz7nAL0hoS-5i-XVlLPXzU4jx1-Zhpp96Rg3PLNV2E4og9f9nxLmZflGFTtcal-3oNmIJ9D0JZFaTdGDKWoXhYwk9KumJx9FpkvAxNTQdfFLGyn8sqUNIdgW6m1rqWKDrlOTs3ABdU7vtiojnIs.jpeg)
คนที่ 9 นั่นก็คือ ‘โยชิโนริ มูโตะ’ อีกหนึ่งกองหน้าเลือดซามูไรย้ายมาค้าแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล ระหว่างปี 2018-2021 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ โดยตอนนี้ค้าแข้งอยู่กับ วิสเซล โกเบ ในบ้านเกิดด้วยวัย 31 ปี
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2da52ac619abefa80_dUNNFTX9xvmVxVaC_iaxTBxddMxJLB86KdXc9X9k73UwtV7oc4VVJG0qdmRu9ERyJjqzAkXdHx9QPboEt4IigQHOwrYw0NmEJNAmiXARTIHFuukDVY3Dt22RbEysHzGcH2d6vYGnbd6kyC1Fmlk7nNk.jpeg)
คนที่ 10 นั่นก็คือ ‘ทาคูมิ มินามิโนะ’ กองกลางจอมเทคนิคเคยค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2019-2022 และอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/2020 ด้วยเช่นกัน แต่ได้ตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ โมนาโก ในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c102f2110078780c9d_Ft86unmWOP9eMucHIs2NsnBtYBe3y18XyRVeMcxl6ZkeYpbL5orWImlCIbc4qZT-bNqe4KEwg0ZCkT-NpcXzoY-0cYgFdYunL34_gvFOXIdAiYJPKr3gbX8urpn79K5uCLcihb2_2F6g0HhOydX8XCM.jpeg)
คนที่ 11 นั่นก็คือ ‘ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ’ กองหลังสาระพัดประโยชน์ย้ายมาค้าแข้งกับ อาร์เซนอล ตั้งแต่ปี 2021 และยังคงเป็นหนึ่งในตัวหลักของแนวรับต่อไป
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2d925fd962950b66a_g4a--AzdD7iIfhwsjrqn3ev82BoFUoK8aXov85-yJcxc28PYqUKeTd6UfLvsI3JCB6xPlRLuI6NnnyfVmC_357tg1f0tgLC-lUHTifcmN1RspqH5Ib4rv9TCncy4Ks91d1Rtzbl3i3H7zpsz43xDPmE.jpeg)
คนที่ 12 นั่นก็คือ ‘คาโอรุ มิโตมะ’ ปีกความเร็วสูงย้ายมาค้าแข้งกับ ไบรท์ตัน ตั้งแต่ปี 2021 และยังคงวาดลวดลายในศึกพรีเมียร์ลีกได้แบบน่าประทับใจ
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c1cc45fb1adab2dbaa_w1ehCNZMJIdsr_fQn34vYSDc2HJzwLZIqSd-bM31QlaBMFUs0ESPk6lw0jPj9qLQiq05UeIGBrOq2B_vvGlzf5NsX2cg-XYsugFwxsn9uamFuRWlgPWvXqboK_CdyhzrtpQgoAhBQ8rJ6AQuBQcGHeQ.jpeg)
ตบท้ายด้วยคนที่ 13 นั่นก็คือ ‘วาตารุ เอ็นโดะ’ กองกลางกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นเพิ่งย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้เลย ซึ่งยังคงต้องพิสูจน์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีกกันต่อไป
นี่คือรายชื่อของ 13 นักเตะจากญี่ปุ่นที่ได้ย้ายมาโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c2256f175fbfb6c602_m0LgqLvcrWmuCbGH8xop1wUretWbQH3sx8Vjw2KEdY9F9guuAE6oCOwDiaUKeuHG4sA8VOzwEZf_FiGOszZQAEMyzI2AynCumBSO9LZUh11uN4aJP3eaJSKpUIvzsXHH6xj-rhlVH2RTHIQeHm46iug.jpeg)
‘เอ็นโดะ’ แข้งญี่ปุ่นเสริมบารมีคลอปป์เพื่อแชมป์ลีก
เพราะตัดสินใจปล่อยผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางออกไปหลายคน ทำให้ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ต้องลงทุนคว้ามิดฟิลด์คนใหม่เพื่อทดแทนในส่วนที่ขาดหายไปเสียบ้าง แม้จะมีข่าวว่าไล่ตามจีบ 2 แข้งดาวรุ่ง นั่นก็คือ มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ รวมถึง โรเมโอ ลาเวีย กองกลางทีมชาติเบลเยี่ยมแบบต่อเนื่องเลย แต่สุดท้ายทั้งสองคนดังกล่าวได้ตัดสินใจย้ายไปซบ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงตัดสินใจหันไปลงเอยกับ วาตารุ เอนโดะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งย้ายมาจาก สตุ๊ตการ์ท ทีมลูกหนังในศึกบุนเดสลีกาด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ และจับเซ็นสัญญาค้าแข้งเป็นเวลา 4 ปีเลยด้วย จึงกลายเป็นแข้งใหม่รายที่ 3 ของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ต่อจาก โดมินิค โซบอสซ์ไล กองกลางทีมชาติฮังการี ซึ่งย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก รวมถึง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งย้ายมาจาก ไบร์ทตัน นั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c24712c0d60ff55174_vuWSKjXaZDnJmkNz7wjMfz77-pflXodied6B_AxlC8nPp0PXpBqRHmWt_XxK5qmmckVPbLsQyvt_NG_eBIkB1WyUSarOeWL_8rjpAeYdB4DBYSse4pdqGAZkPnkOEJZJr2FYPUV0g4Aue3r9nHkhUf0.jpeg)
แม้ว่า เอ็นโดะ จะมีอายุมากถึง 30 ปี แต่ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ ‘หงส์แดง’ ได้แสดงความเชื่อมั่นในฝีเท้าของมิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่นแบบไม่สนใจเรื่องของอายุอานามแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าจะสามารถสร้างอิมแพ็คให้กับทีมของเขาได้เหมือนอย่างที่ เจมส์ มิลเนอร์ มิดฟิลด์จอมเก๋าชาวอังกฤษเคยทำมาก่อนนั่นเอง ซึ่งต้องย้อนหลังกลับไปในปี 2015 หรือเมื่อตอนที่ย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงที่มีอายุสูงวัยมากถึง 29 ปีแล้วด้วย แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของสโมสร เพราะสามารถช่วยทีมจากลงเล่นได้ในหลายๆ ตำแหน่งแบบไม่เคยปริปากบ่นเรื่องการนั่งเป็นตัวสำรองเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะตัดสินใจโบกมืออำลาในช่วงหลังจากที่อยู่รับใช้สโมสรมานานถึง 8 ปีเลยทีเดียว เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ ไบรท์ตัน ด้วยวัยสูงถึง 37 ปีกันต่อไป แม้ว่าการคว้าตัว เอ็นโดะ จะไม่ได้เป็นการเซ็นสัญญากับดาวดังระดับโลกเหมือนอย่างที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้ แต่นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะหมายเลข 3 คนใหม่ว่าจะเป็นการเสริมทัพที่เข้าท่าเข้าทางอย่างแน่นอน
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c227e92652c7be67ee_vIY_C9HGn8RwqqinM5Iea4KeLVAGvKN2-is9LKoOY-OfElD25_XZuEAtvux6zAFwkoxexM4n4-hMPG1NSImJ7i0vHLzegA9THPi5qVYNj2nzPSK9Ye4ffoFhS1QDhbiWrYP_DuO1xulV8955is0Gh1g.jpeg)
สำหรับ เอ็นโดะ สวมบทเป็นมิดฟิลด์ตัวรับในตำแหน่งของผู้เล่นหมายเลข 6 และสามารถถอยลงไปยืนเล่นเป็นกองหลังได้ด้วย โดยเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ โชนัน เบลล์มาเร่ ในบ้านเกิดเมื่อปี 2010 แม้จะกระเด็นตกชั้นจากศึกเจลีกในปี 2013 แต่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นหวนกลับคืนสู่ลีกสูงสุดของประเทศได้ในช่วงปีถัดมา หลังจากนั้นได้ย้ายไปซบ อูราวะ เรด ไดมอนด์ ในปี 2016 และสามารถยึดบัลลังก์ ‘เจ้าสโมสรเอเชีย’ จากการผงาดคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2017 จึงมีโอกาสได้ไปโชว์ฝีเท้าบนดินแดนยุโรป เพราะได้ย้ายไปซบ แซงต์ ทรุยดอง ในลีกลูกหนังเบลเยี่ยมเมื่อปี 2018 และได้ย้ายไปร่วมทัพ สตุ๊ตการ์ท ด้วยสัญญายืมตัวในช่วงฤดูกาลถัดมา ก่อนจะเซ็นสัญญาแบบถาวรเพื่ออยู่ปักหลักค้าแข้งในช่วงระหว่างปี 2020 จนถึง 2023 ส่วนในเกมระดับชาติได้ผ่านการรับใช้ทัพลูกหนัง ‘ซามูไร’ มาตั้งแต่ปี 2015 โดยตอนนี้ได้รับมอบหมายให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในช่วงหลังจากที่ลงสนามรับใช้บ้านเกิดมาแล้วถึง 50 เกม
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/655641c298710d70e4c594b0_t7IUFN5pjLZmYNkkBfmOARzPAEVzzJCsdqPX27Bw4DXvSEAudogTEgUDiw3albnFky4SptEMSEJoUbetFSIo6zUKgjq3zEaq5LYrJjIpqekPOJ8RdopWLsBRacTNJ0z2NEaeN5YIx79gZgA1fYHL42k.jpeg)
หากจะว่าไปแล้ว คลอปป์ คุ้นเคยกับนักเตะจากดินแดนปลาดิบเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะว่าเคยปลุกปั้น ชินจิ คากาวะ อดีตกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นให้โด่งดังเป็นพลุแตกเมื่อตอนสมัยที่คุมทัพ ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และมีส่วนให้ทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน หลังจากนั้น คลอปป์ ได้คว้าตัว ทาคุมิ มินามิโนะ เข้ามาเสริมทัพหงส์แดง เมื่อช่วงต้นปี 2020 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเสียเท่าไรนัก แต่มีส่วนช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/2020 และเป็นการหวนกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีเลยด้วย จึงดูเหมือนว่า คลอปป์ จะถูกโฉลกกับนักเตะจากญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน เพราะว่าช่วยเสริมบารมีสำหรับการพาทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกนั่นเอง
โปรดติดตามกันต่อไปว่า เอ็นโดะ ในฐานะนักเตะชาวญี่ปุ่นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล จะมีส่วนช่วยให้ คลอปป์ นำทัพหงส์แดงหวนกลับมาคว้าแชมป์ลีกในช่วงฤดูกาลนี้ได้หรือไม่