จากที่เคยเกาะกลุ่มอยู่บนหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้ 'สิงโตน้ำเงินคราม' เชลซี ต้องยอมรับสภาพว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียแล้ว เพราะได้แปรสภาพกลายเป็นทีมระดับกลางตารางคะแนนแบบไม่ค่อยชินตากันเสียเท่าไรนัก หลังโชว์ฟอร์มในช่วงฤดูกาลนี้ได้แบบ 'สาละวันเตี้ยลง' ไปตามผลงานที่พบกับความพ่ายแพ้มากกว่าชัยชนะเสียด้วยซ้ำ และทำได้เพียงแค่การันตีการอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดของอังกฤษเท่านั้นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad56e3a7bf76c9528946_bB9QIc__4XJe9fIz2QQBIZUROeYEhM57yqQnU24C-ee3k1k7ZdhQE4Mkc9jk9q0BdtG_l_Ba2IOPrtp_MaBxeBGGwZgNxCKtEztrBwRN_fsqBvud6Xf-9g0f-g2Jjrd_v2TaT3pX4Y6bP2TC2JUR_x4.jpeg)
หากจะว่าไปแล้ว เชลซี ยังคงอยู่ในช่วง 'เปลี่ยนผ่าน' นับตั้งแต่ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันได้ก้าวเท้าเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่ต่อจาก โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ซึ่งโดนพิษการเมืองระหว่างประเทศตามเล่นงานเมื่อช่วงปีก่อน ทำให้สิงโตน้ำเงินครามมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแบบมากมายเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในจากการเปลี่ยนตัวผู้บริหารสโมสรในหลายตำแหน่งๆ รวมถึงเรื่องของการเปลี่ยนตัว 'กุนซือ' ในช่วงฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 4 คน
ไล่ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิล แม้จะเคยพาทีมประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ได้หลายรายการ โดยเฉพาะการผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2021 แต่กลับถูกไล่ออกในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ ซึ่งว่ากันว่ามีสาเหตุมาจากการขัดใจเจ้าของทีมในหลายเรื่องๆ นั่นเอง หลังจากนั้นได้มีการทุ่มเงินดึงตัว เกรแฮม พ็อตเตอร์ มาจาก ไบรท์ตัน ให้เข้ามาช่วยสร้างทีมไปสู่ยุคใหม่ เพราะเห็นว่าเคยปลุกปั้นทีมเล็กๆ ให้อยู่ปักหลักในศึกพรีเมียร์ลีกได้แบบน่าชื่นชม แต่สุดท้ายกลับ 'มือไม่ถึง' จากเหตุที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมใหญ่ๆ มาก่อน และทำผลงานไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย จึงถูกปลดจากตำแหน่งในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้มอบหมายให้ บรูโน่ ซัลตอร์ หนึ่งในทีมสต๊าฟคุมทีมแบบขัดตาทัพเพียงแค่หนึ่งเกมเท่านั้น ก่อนจะส่งไม้ต่อไปให้ตำนานนักเตะของสโมสร นั่นก็คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกุนซือสิงโตน้ำเงินครามในช่วงระหว่างปี 2019-2021 ได้กลับมาช่วยคุมทีมในฐานะกุนซือขัดตาทัพจนถึงช่วงจบฤดูกาลนี้เท่านั้น เพื่อให้คั่นเวลาในช่วงระหว่างที่กำลังสรรหากุนซือคนใหม่ ซึ่งจะได้ก้าวเท้าเข้ามารับงานคุมทีมในช่วงซีซั่นหน้ากันต่อไป
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad58a2de8e1ed696a7e5_shJYpwc_NOOnOZ7KPC3AREA1DiFT1Dd7QSwDGKNLtdp-ZSnC1_Sa56gfL_C85Ep3wZFwtmyhv9VzZK6QI7suvijnXfIqnSpykBOdC_vpROBGmqRJOn0W3AwDeoCgRrRg2umYjGcSZms9ca0lJTiZ4SA.jpeg)
Photo Credit: Goal
เพราะความเปลี่ยนแปลงจากเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ จึงส่งผลกระทบต่อเรื่องผลงานในสนามของ เชลซี ไปแบบเต็มๆ แม้จะมีการลงทุนซื้อนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพหลายคนเลย ซึ่งเป็นไปตามคำบัญชาของ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ นั่นเอง โดยเฉพาะการทุ่มเงินคว้า เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 มาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดของเกาะอังกฤษสูงถึง 106 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แต่กลับกลายเป็นการซื้อแบบไม่มียุทธศาสตร์ เพราะว่าเน้นแต่จำนวนมากเกินไป จึงมีนักเตะให้เลือกใช้งานแบบเกินความจำเป็นมากกว่า 30 คนแล้วด้วย และว่ากันว่าล็อกเกอร์ในห้องแต่งตัวมีไม่เพียงพอสำหรับผู้เล่นทุกคนอีกต่างหาก นอกจากนี้ เชลซี ยังขาดความต่อเนื่องในเรื่องของการสร้างทีมตามแผนระยะยาว เพราะยังตามหา 'คนที่ใช่' ในแบบที่เจ้าของทีมต้องการไม่เจอเสียที จึงต้องมองหากุนซือคนใหม่กันไปก่อน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเรื่องความเชื่อมั่นของนักเตะที่ต้องเล่นกันแบบห่วงหน้าพะวงหลังด้วยเช่นกัน เพราะว่าเจ้านายของตัวเองมีโอกาสโดนไล่ออกจากตำแหน่งได้ตลอดเลย และอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเจ้านายคนใหม่แบบวนลูบไปเรื่อยๆ เลยด้วย หากว่า เชลซี ยังไม่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ให้นิ่งสงบได้เสียที
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad55a2de8e1ed696a432_03WXgfGxwhi52iKebktv8h-jaR36iq-gf24HHlNpHMJ0uoO5bXFAldZCKCoud5XBuCdHydM3CpN7u7V_hRvswBhJg5fI-1eBl_iojokcsKPSigns9NmHmc8aG6icLVSGLLzAwgXzo-xUb9GrnqBudho.jpeg)
ฤๅว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ซึ่งว่ากันว่ามีความรู้ในเรื่องของเกมลูกหนังไม่มากนัก อาจจะต้องหยุดพฤติกรรม 'ล้วงลูก' จากการใช้อำนาจของตัวเองเข้าไปจัดการเรื่องต่างๆ ภายในสโมสรเกือบทั้งหมดเหมือนอย่างที่ตกเป็นข่าว เพื่อให้บุคลากรภายในทีมได้มีอิสระในการทำหน้าที่ของตัวเองแบบไม่โดนแทรกแซงจากคนที่เป็นเจ้าของทีมนั่นเอง และจะได้ไปเริ่มต้นกันใหม่ในช่วงซีซั่นหน้าด้วยความหวังที่ว่ากุนซือคนใหม่จะสามารถพาทีมกลับขึ้นไปเกาะกลุ่มอยู่บนหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเหมือนอย่างที่คุ้นเคยได้อีกครั้ง เพราะว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าผลงานในช่วงฤดูกาลนี้ ที่ทำได้เพียงแค่อยู่ปักหลักตรงกลางตารางคะแนนในแบบที่ทำได้เพียงแค่รอดพ้นจากการตกชั้นเท่านั้น
5 เหตุผลเปลี่ยนแปลงแล้วไม่ปัง
แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนตัวเจ้าของสโมสรจาก โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ซึ่งโดนพิษการเมืองระหว่างประเทศเล่นงาน จึงต้องตัดสินใจขายทีมให้กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันไปเลย แต่ไม่ได้ช่วยให้ เชลซี ทำผลงานได้ดีขึ้น เพราะโชว์ฟอร์มในช่วงฤดูกาลนี้ได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย โดยตอนนี้ไม่ได้เกาะกลุ่มเป็นทีมหัวแถวของศึกพรีเมียร์ลีกเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น และร่วงลงไปอยู่ตรงกลางตารางคะแนนอีกต่างหาก ลองไปส่องดูกันว่าเพราะเหตุใดสิงโตน้ำเงินครามจึงต้องอยู่ในภาวะสาละวันเตี้ยลง โดยสามารถชำแหละออกมาได้ว่าน่าจะมาจากเหตุผลต่างๆ ตาม 5 ข้อได้ดังต่อไปนี้เลย
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad55d67b47ca98c70981_kcavwN3BnBagNm0Yu_iEsZLG0xVf8dGcy3IZwehVrDwWcgSL1G2fpO_FdFUOOYW_BzrUNAmqVzqbZi0yCs4liLjDTpP-C5d6qQL1iwbXXP1rN9wSP4JoWO5Ztk_ptPGXlA7ugHPCzzYq64AFtOSxRNk.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad55fc354fc8ea857e2b_VOjzCIaqCPHeYHAgjvEvb7xrlPKUQouUqP1wl-5eCDM3T_ryEawxp3_IES6qVfJs4io5ta3LrOOVdEYuycYutbBpGTbe5p_Gp-0em7Pw_vI-_HTDNM2ZmENa7rca1rz-Vm2_JPX4H0eykj04BSKEFVw.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad558b3ea5e4528f5550_Im8V0eKCVO0AKo3PWF2Jme-Y1u0uGrmABkluAJ7BV6Ppc8LQ3XJZ_8GD-yVoMJNXvQ-JLSjEkQLI3mRlULN9lGVPTu24UYFzedXp4D6jJNvvPmifmfmQzwzPKrqwB4qiD-FQZD_yLuxht1gYFSv5w0M.jpeg)
Photo Credit: Sky Sports / Goal / Goal
เริ่มต้นกันด้วยข้อแรก ปัญหานักเตะผลัดกันได้รับบาดเจ็บในช่วงฤดูกาลนี้แบบยาวเป็นหางว่าวมากกว่า 10 คนเลยด้วย โดยเฉพาะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางตัวเก่งที่เคยต้องพักรักษาโรคเดี้ยงมานานหลายเดือนแล้ว รวมถึง 2 แบ็กจอมบุกทั้งสองฝั่ง นั่นก็คือ รีซ เจมส์ กับ เบน ชิลเวลล์ ซึ่งเจออาการบาดเจ็บตามเล่นงานแบบไม่เลิกรา ทำให้ เชลซี ไม่สามารถจัดทีมลงสนามด้วยผู้เล่น 11 คนแรกแบบเต็มอัตราศึกได้เสียที
ตามมาด้วยข้อที่ 2 เรื่องของการลงทุนซื้อแข้งใหม่แล้วโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเหมือนอย่างที่หวัง แม้จะมีการทุ่มเงินคว้านักเตะเข้ามาเสริมทัพหลายคนเลย แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำผลงานได้คุ้มค่าเงินที่สูญเสียไปมากกว่า 400 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad57a3a80a20fedb36e8_WZm8BN9APIJiUYhLXq56_ZwGja3fHvLbaHfuIXz18qV8hewz7i6e6SZEVuZ62u0YNT3D7J1IouFXaiZfRhSozpAjrvVQL0IEbCTVK5M5zhYr6WOakbkPvX7yr8vMXHSGBIzvspBcJj5A43-fltJ2WCc.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad55a3a80a20fedb34e4_UOScFpxPmMDZCgW7bTAwpyzO_XIdSxBbybHZ-QbPk42JIHQL68FBxnNKwO5KKddJwOHkEYSkKbtU_ZngGaoJMPWsS3njtucCB0mgBgKMkEmJDP33WvCUEyXgvHIzPf09izo9zH--G0bJ2Kz3vJyXI60.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad59fc354fc8ea857f58_MYhrZb7DRv-B7A4i2MUJ3ZAfkUpJtSFM2_dcGpyK_fBK5P8ds-u3XLlhjdoy2dRax6uWn_lZTW3fk7TtTs22ZZtmjoqBJtGksCTaz-9ceQEummXbI5c2rwFluKTwLlI1E_aGdpY2sO48KvNyLfuPOEY.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad56815be1762df94442_TRNKQuUEDEsmNJh6iyxht-ijfJ1VzhS8ZJs1-ZTRvPI-L7BTbGlHfs2jrFJdwQQGmjrB_bIRh7DwwlPs0ntSq0sbTSVCk2fnvmnqdDIbxaKyURvM7_-DyAkSYxgaPqCBq3IvEAsjWzlncQlM5dYL9Fs.jpeg)
Photo Credit: TransferMarkt / Tribuna / Eurosport / TalkSport
ซึ่งจะสอดคล้องกับข้อที่ 3 นั่นก็คือพวกผู้เล่นหน้าใหม่ในตำแหน่งกองหลังยังไม่สามารถทดแทนการจากไปของ 2 อดีตแนวรับจอมแกร่ง นั่นก็คือ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กับอันเดรียส คริสเตนเซ่น ซึ่งได้ตัดสินใจย้ายทีมในช่วงหลังหมดสัญญาเมื่อตอนจบฤดูกาลที่แล้วแบบไม่มีค่าตัวนั่นเอง ทั้งนี้ เชลซี ได้มีการทุ่มเงินคว้า มาร์ค คูคูเรย่า รวมถึง คาลิดู คูลิบาลี่ ให้เข้ามาช่วยอุดรูรั่วในแนวรับ แต่ยังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเสียเท่าไรนัก ส่วนในรายของ เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังค่าตัวแพงระดับโลกต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน ทำให้ ติอาโก้ ซิลวา ต้องรับหน้าที่แบกแนวรับด้วยวัยสูงถึง 37 ปีแล้วด้วย แม้จะมีการจ่ายเงินคว้า เบอนัวต์ บาเดียชิลด์ กองหลังชาวฝรั่งเศสวัย 21 ปีมาจาก โมนาโก เข้ามาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวเพิ่มอีกหนึ่งราย แต่ดูแล้วน่าจะเป็นการซื้อเพื่ออนาคตไปตามวัยที่ยังละอ่อนอยู่เลยเสียมากกว่า ซึ่งจะใช้เวลาฟูมฟักให้มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้กันต่อไป
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad56a3a80a20fedb365f_ae6pO5xrooAZq2lhjmbNQRn74lHx11M96YfEujl6pI-QGwp43Od6YKLo4_ADEGNpds5tREX9P-b8hP8TAYYXisc6S4A8jC9qlXq2RKL8ynsA61HgitXNesX880gSZipjhWJdg70rQmL2dArE1eiw6oA.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad568b3ea5e4528f5561_hBvPlrR5xg2Ih7nVu2m7RgOpXb5rlbqCW9ozKKAgWXA-f4nMj-qzZOpAlqPMMPhz6JohHSff8ogk5mI9WfryMyGWgLchyCIIPTGkiw4ym6j6HaJ_h9OO9v3l8rESqBXnEdSFuD4ntoJJVhzaxoXz4f4.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad575785de47eb4c8b30_6C6Q3o3lfXnMm6Gr_Q2mqOMhzGYiubM5vRCmoBkORSFjz0tBPq7OUVHd9m50D1Pnd_W7Qg99pFqrnCezguL3hZS9jFZxnhm_HjjsPeGxxM63mtRIhqUvqJyw4n62AYdLphFQXBaH0XxKFaFYXQItaQs.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad578b3ea5e4528f5571_rzDIqNw99h68u7TeBdncgn7TW6NvtfJmKZNtfMKGIlUr3QqoMjSSHd_4En7jIz5435ixHNGh7HhpoItx6hykAoktise_rDmT2Pah5iRD0FrWYQ3332gjOp5IJ89dGiCb9s3qj3e6_fshjnY0J-416LI.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad57815be1762df94452_8HoQTaJ1C4esm4uqKW4rDXTygV0ZSGiJcyQQnPDbxfO5lEoRn8BA14v93B7fRNNWxmo6newUlqbPF5Zm5mNA5Uf69va_YDkUP6i3gkkxjcvx_H13b0xa4xaGkzhrjjixih1_xMGxYstycZqzAaVkTf4.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad5e815be1762df944c7_MCJYZ-YCBdM2-aXZHj6On9J3PaQnG_sgzjPmnLvJy7eor9fM_W8PIIFcNYAZUxwovEg74jUBrS2yXW619eFTm6esutr6yMqdqnfPfJ4yEhEMuSIYvfGIeHzoN-bKzdE1hzRx5AP5AUFSN48D3b9U2JI.jpeg)
Photo Credit: Goal / CNN / Transfermarkt / Football365 / Sporting News / Chelsea Football Club
ไปต่อกันที่ข้อที่ 4 นั่นก็คือเรื่องของการจบสกอร์ ซึ่งยิงประตูกันได้น้อยมากๆ โดย เชลซี เพิ่งจะสอยตาข่ายในศึกพรีเมียร์ลีกได้เพียงแค่ 36 ลูก นับจนถึงในช่วงหลังลงเล่นนัดที่ 36 หรือเฉลี่ยแล้วยิงได้นัดละ 1 ลูกเท่านั้นเอง หากว่าเป็นเมื่อช่วงฤดูกาลก่อนจะได้พวกผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังค่อยเติมเกมรุกเพื่อขึ้นมาช่วยยิงประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำเลย แต่เป็นเพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องผู้เล่นในแนวรับ จึงต้องหันกลับมาพึ่งพาพวกผู้เล่นในแนวรุกให้ช่วยกันทำหน้าที่ยิงประตูตามบทบาทของตัวเอง และจะมีการลงทุนคว้า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง เข้ามาเสริมแนวรุกถึง 2 รายด้วย แต่กลับประสบปัญหาฟอร์มฝืดกันแบบถ้วนหน้า ซึ่งรวมถึง ไค ฮาเวิร์ตซ ยังคงถูกจับให้สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัดมากที่สุด ขณะที่ ฮาคิม ซีเย็ค กับคริสเตียน พูลิซิช โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่บ่อยๆ จึงถูกดร็อปเป็นตัวสำรองอยู่เป็นประจำ ส่วนในรายของ อาร์มันโด โบรย่า เด็กปั้นตัวความหวังใหม่ดันโชคร้ายเจอโรคเดี้ยงเล่นงานจนต้องพักยาวไปเลย
ปิดท้ายด้วยข้อที่ 5 นั่นก็คือเรื่องของ 'กุนซือ' ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวมาแล้วถึง 4 คน ไล่ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล, เกรแฮม พ็อตเตอร์ รวมถึง 2 กุนซือขัดตาทัพ นั่นก็คือ บรูโน่ ซัลตอร์ และ แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่ไม่ได้ช่วยให้สิงโตน้ำเงินครามดีขึ้นเลย และจะต้องรอให้มีการแต่งตั้ง 'กุนซือคนใหม่' เพื่อให้เข้ามาลงมือสร้างทีมในช่วงซีซั่นหน้า จึงต้องอยู่ในภาวะสาละวันเตี้ยลง ไปก่อนจนกว่าจะได้การแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อจะได้กลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นในช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป
กุนซือใหม่จะตกเป็นของใคร ระหว่าง 'คนหนุ่ม' กับ 'จอมเก๋า'?
ตอนนี้ เชลซี ยังคงตกเป็นข่าวพัวพันกับพวกกุนซือชื่อดังหลายคนเลย และแสดงทีท่าว่าพร้อมเลือกคนที่เคยผ่านงานคุมทีมใหญ่ๆ มาก่อนด้วย หลังจากที่เคยให้โอกาส เกรแฮม พ็อตเตอร์ ได้สวมบทเป็นนายใหญ่แห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางเอาไว้แบบระยะยาวไปเลย เพราะเห็นว่าเคยปลุกปั้น ไบรท์ตัน จากทีมเล็กๆ ที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นให้ก้าวเท้าขึ้นไปอยู่ครึ่งบนของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่สุดท้ายได้พิสูจน์ผลงานให้เห็นแล้วว่า 'มือไม่ถึง' เพราะไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมใหญ่ๆ มาก่อนด้วยเช่นกัน จึงอยู่ที่ว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของทีมสิงโตน้ำเงินคราม จะเลือกกุนซือคนใหม่ให้เป็นไปตามสเป็คแบบไหนระหว่าง 'คนหนุ่ม' หรือ 'จอมเก๋า' หากดูจากรายชื่อของบรรดากุนซือที่อยู่ในกลุ่มตัวเลือกจากการรายงานข่าวของสื่อต่างๆ สำหรับนิยามของคำว่า คนหนุ่ม ในที่นี้จะหมายถึงเรื่องวัยวุฒิไปตามตัวเลขของอายุที่จะไม่เกิน 45 ปี ส่วนนิยามของคำว่า จอมเก๋า ในที่นี้จะหมายถึงพวกกุนซือประสบการณ์ที่มีอายุแตะหลัก 50 ปีแล้วนั่นเอง
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad59a1ee563ee22606dc_7YpNSlGb1_p9FBA4pbWZYa7Cw3BsebXJVYHgp8ddoty-FsG_Bf54cvNa1q-I8HJszq7ArBAj1z1PBpm4aBUXLat9B4vwg78VmWOx7bO-aq8f30v0W3yMrGjxiz6rSpE9HcVtkru1vZCm23v7OfSvW9M.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad585785de47eb4c8c11_VxX7TsYr8cCM1JrkUtMyW-8FFzgWwhB8MLqsOajkwQANOxTvxo82AfOGRcWkyYY0OeLOD4ooiKdUPmGwuh2gSAkuQMVwCkRP9NzJu8Hl1beClFtcIhmxXSU9_GBdZxAqNam_kpH3YepPxtPuX9hCGmQ.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad588b3ea5e4528f5581_bgr8k_jHLipWGgJcHMgyadCNc35qoNHzdUzAyE4YiJux1eY3xSqH4K2_7z0WreSPzt21TMwpW2UnaMPEU69Q5L-O2dXbvPpa5bNNK0wVQnmkWf0PUTLfG9jPJ8t2QClt0NaLzGOBt_u5kLU8dOQ71TY.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad59e3a7bf76c9528cb6_0ioG_E3DpPdO2XDChXuJZCqNPC52AGYjvohZUsh7ZmLRxvLiaqqTlrhmaI3Sq_zZEgKxrFRcKXLhksQgVE7hcmEExleAFuZVFvxyDdXDjbmWITRAXkrt0AvLS-4LVVCCxDBZH1hWAySPP1OKcyacEZs.jpeg)
Photo Credit: Goal / The Independent / TEAMtalk / Transfermarkt
เริ่มต้นกันด้วยกลุ่มของคนหนุ่มซึ่งมีชื่อของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือว่างงานชาวเยอรมันเป็นเป้าหมายในลำดับต้นๆ เลยด้วย แม้จะเพิ่งมีอายุเพียง 35 ปีเท่านั้น แต่ว่าเคยผ่านงานคุมทีมระดับยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงก่อนตกงานมาแล้วนั่นเอง ส่วนในรายของ โรแบร์โต้ เดอ แซร์บี้ กุนซือชาวอิตาเลียนวัย 43 ปีของ ไบรท์ตัน เป็นอีกหนึ่งชื่อที่ติดโผอยู่ในกลุ่มตัวเลือกด้วยเช่นกัน โดยเคยผ่านงานคุมทีมใหญ่ๆ อย่าง ชักเตอร์ โดเน็ตส์ท มาแล้วด้วย ขณะที่ รูเบน อาโมริม โค้ชชาวโปรตุกีสวัย 38 ปีมีชื่อติดโผจากการนำทัพ สปอร์ติ้ง ลิสบอน กลับมาประสบความสำเร็จในบ้านเกิดได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีชื่อของ จอห์น เทอร์รี่ ตำนานกองหลังกัปตันทีม เชลซี ในวัย 42 ปีติดโผจากการรายงานข่าวของสื่อต่างๆ เพราะเห็นว่ายังคงว่างงานอยู่นับตั้งแต่ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีม แอสตัน วิลล่า เมื่อปี 2021 และได้รับเสียงเชียร์จากแฟนบอลบางส่วนว่าควรได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่คุมทีมเหมือนอย่างที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด อีกหนึ่งตำนานกองกลางของสโมสรที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้สวมบทเป็นนายใหญ่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่างปี 2019-2021 แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad598b3ea5e4528f55a9_GoegMUA4ykXBfD8g5AE4ovwnOO_npLkYQJBQVRyTrVjJVgzTHY-otYgTFMs4h0scxpp-5HxCx7ClqoArnDQEw9JuNIZrRdVKdAMbIU7_vH4ipTG3Nqr_1GQvSi0MMEdW6nfKGc8RrE8spYscDIOPQx0.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad597869b457ba3a2aee_ULhGN_sIHs0grXEILX73X6E4CXnz8HorxuSgH84MTL3ll6LqeE5CMObWFxtoUq-p0hUL3ggEy-z7Kohc3e_M1MGycDUPAfVGdvBRkvIj0wJ8jc8GxfumQ6jimkFY_89kjcTo_JJ67cFM536UrbEs-J0.jpeg)
![](https://cdn.prod.website-files.com/649174dcab676e52a64ce81a/64b2ad5ad67b47ca98c70ac1_EzOVRkgHzDMcxUHpsnHekrJrff8AJuTd9gGUaTBshBB7QZc94Izj9zabNAAaatmpBbD71xTJl51SWpvop-kJwYeQIZoVTt8rRV0_NaAXcG1OotGxPsUf4oNJWlxRV9ba8_ZCMcwnqQnsD_Om0vSzYsM.jpeg)
Photo Credit: Football Espana / Sky Sports / CNN
ส่วนกลุ่มของจอมเก๋ามีรายชื่อติดโผมากมายหลายคนเลย โดยเฉพาะพวกกุนซือชื่อดังที่ยังคงว่างงานอยู่ ไล่ตั้งแต่ ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสวัย 51 ปีที่เคยนำทัพ เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน และกลายเป็นคนว่างงานมานานเกือบ 2 ปีแล้วด้วย ขณะที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ อดีตกุนซือทีมชาติสเปนวัย 52 ปีเคยฝากผลงานระดับ 'มาสเตอร์พีซ' เมื่อตอนที่นำทัพ บาร์เซโลน่า เข้าป้าย 'ทริปเปิลแชมป์' จากการกวาด 3 ถ้วยใบใหญ่ในช่วงฤดูกาล 2014/2015 ได้ทั้งหมดเลย ส่วนในรายของ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์วัย 51 ปีเคยสร้างชื่อจากการยกระดับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ให้ก้าวเท้าขึ้นไปอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ และเคยผ่านงานคุมทีมใหญ่ๆ อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาก่อนด้วย ด้าน เบรนแดน รอดเจอร์ส โค้ชชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 50 ปีที่เพิ่งโดน เลสเตอร์ ไล่ออกมาหมาดๆ มีชื่อติดโผด้วยเช่นกัน เพราะว่าเคยร่วมงานกับ เชลซี เมื่อตอนสมัยที่คุมทีมสำรองในระดับเยาวชนระหว่างปี 2006-2008 มาก่อนนั่นเอง
นี่คือรายชื่อของเหล่ากุนซือบางส่วนที่พร้อมเปิดตัวเลือกให้ เชลซี ได้ทาบทามมาสวมบทเป็นนายใหม่แห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ยังคงต้องรอการตัดสินใจของบอร์ดบริหารสโมสรว่าจะเลือกสเปกแบบไหนระหว่างคนหนุ่ม หรือจอมเก๋า เพื่อให้เข้ามาช่วยกอบกู้ผลงานที่ต้องแปรสภาพเป็นทีมระดับกลางตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกไปเสียแล้ว