Culture

Creamier Day: โดนัท กาแฟ หนังสือ และประสบการณ์ใหม่ๆ จากความตั้งใจ และตัวตนของคนทำเบเกอรี่ที่ ‘CREMA’

ถ้าพูดถึงคาเฟ่ในปัจจุบันนี้ หลายๆ คนคงนึกถึงภาพของเค้ก หรือขนมอบ จำพวก Puff Pastry แต่วันนี้เราอยากพาทุกคนไปชิลล์กับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ CREMA cafe and books คาเฟ่เล็กๆ ในย่านสีลม ที่อยากชวนทุกคนมาสัมผัสรสชาติของ Bomboloni (โดนัทสอดไส้สไตล์อิตาเลียน) อร่อยๆ พร้อมกับกาแฟ และหนังสือ ตามความตั้งใจของ ‘น้ำฝน อุดมเลิศลักษณ์’ หุ้นส่วนร้าน ที่อยากมอบประสบการณ์ดีๆ ให้คอคาเฟ่สาย Introvert ได้มาเอ็นจอยในบรรยากาศใหม่แต่ไม่น่าเบื่อ

‘CREMA’ โปรเจกต์สุดท้าย เพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวเอง

เราเริ่มต้นให้น้ำฝนพาเรากลับไปที่ต้นกำเนิดของคาเฟ่แห่งนี้ ซึ่งถ้าใครเป็นสายขนมหวาน น่าจะเคยได้รู้จักร้านโดนัทที่ชื่อ ‘CREAM‘ กันมาบ้าง

“จริงๆ มันเป็นร้านที่ปรับจากแบรนด์เดิมก่อนหน้านี้ชื่อ Cream Donut ค่ะ ประมาณช่วงก่อนโควิดนิดหนึ่ง ตอนนั้นทำเป็นร้าน Kiosk เล็กๆ ไม่มีโซนนั่งทานค่ะ เราทำอยู่ได้ประมาณ 2 ปี แล้วฝนก็รู้สึกเองว่า การทำร้านแบบนี้มันค่อนข้างเหนื่อย เพราะว่าเราต้องคอยคิดสินค้าใหม่ตลอด ซึ่งมันค่อนข้างเยอะมากๆ ด้วยค่ะ ก็เลยปรึกษากับหุ้นส่วนว่า อยากปรับตัวร้านตรงนี้เป็นอย่างอื่นไหม เพราะเราไม่อยากผลิตอะไรเยอะๆ แล้วต้องเอามาทิ้ง“ น้ำฝนเล่า ก่อนอธิบายต่อว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายของโควิดพอดี เธอและหุ้นส่วนคนอื่นๆ จึงตัดสินใจพักกิจการร้าน CREAM แล้วพัฒนาโปรเจกต์ CREMA cafe and books ขึ้นมา

”ตอนนั้นก็คิดว่า อยากลองทำคาเฟ่ เพราะว่าไม่เคยทำคาเฟ่ในกรุงเทพฯ มาก่อน เลยอยากทำร้านที่คนเข้ามานั่งได้แบบสบายๆ แล้วก็มีขนมดีๆ ให้กินค่ะ“ น้ำฝนเสริม

จนกระทั่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา CREMA cafe and books ก็ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ

“เราตั้งใจบิดชื่อเดิมนิดหนึ่งค่ะ สลับพยัญชนะ 2 ตัวท้าย จาก CREAM เป็น CREMA เพื่อที่เราจะได้ขายกาแฟไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วแรงบันดาลใจมันไม่มีอะไรมากค่ะ CREMA เป็นเหมือนโปรเจกต์สุดท้ายที่อยากทำแล้ว ก็เลยคิดว่าอยากปล่อยผีเลยค่ะ (หัวเราะ) ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ แล้วก็เป็นตัวเองที่สุด มันก็เลยออกมาเป็น CREMA ค่ะ”

เมื่อพูดถึงโปรเจกต์ที่เป็นตัวเองที่สุด น้ำฝนจึงเป็นเทียบคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ให้เราฟัง ซึ่งมันก็ตรงกับตัวของเธอจริงๆ

“Persona ของแบรนด์ก็จะ Introvert หน่อยๆ เป็นผู้หญิงที่ชอบเที่ยวคนเดียว ชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว อ่านหนังสือ ดื่มกาแฟ กินขนม คนที่ชอบไปเที่ยวคาเฟ่คนเดียว”

CREMA cafe and…books?

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้านแห่งนี้ เราถูกต้อนรับด้วยบรรยากาศน่ารักๆ ประหนึ่งเราเดินเข้าร้าน Diner ยุค 70s

“จริงๆ เราเป็นคนชอบเสพพวกงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Brutalist หรือว่าเป็นพวก Socialist Modernism อะไรอย่างนี้ค่ะ แบบช่วงยุค 60s – 70s คือจะชอบการตกแต่งของยุคนั้นมาก ตอนแรกโจทย์ที่คุยกับสถาปนิกก็คือ เราอยากใช้วัสดุที่เป็นกระเบื้อง กับปูนในการทำร้านค่ะ พื้นที่เป็นกระเบื้องฝนก็เอาดีไซน์ของเพื่อนสนิทมาต่อยอด ให้เขาช่วยทำ ซึ่งเขาก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบกระเบื้องมาจากลวดลายการตัดเย็บผ้าของคุณยายของเขา แล้วฝนก็เอามาปรับใช้กับพื้นที่ร้าน” ฝนเล่าถึงดีเทลน่ารักๆ ที่ซ่อนอยู่

”อยากให้ลูกค้าได้อะไรใหม่ๆ กลับไปจากการเข้ามาที่ CREMA ค่ะ“ น้ำฝนพูดขึ้น ก่อนอธิบายต่อว่า “สิ่งที่เห็นได้จากการเดินเข้ามาในร้านเลยก็คือ สไตล์การตกแต่งที่เราพยายามที่จะฉีกออกจากความเป็นคาเฟ่ทั่วไปที่เขาแต่งกัน ซึ่งจะเรียบๆ มินิมอล จริงๆ อยากทำให้มันเป็น Maximalist เลย แต่ด้วยนิสัยตัวเองยังไม่ถึงจุดนั้น มันก็เลยยังรู้สึกว่าเพิ่มเข้าไปได้อีก”

แต่จุดที่ทำให้เราต้องแปลกใจคือ ชั้นวางหนังสือเล็กๆ ที่มีหนังสือมากหน้าหลายตา แปะราคาพร้อมกระดาษโน้ตรีวิวหนังสือนั้นๆ จากมุมของคนขาย ซึ่งทำให้เราสงสัยว่า ทำไมร้านหนังสือถึงมาซ่อนตัวอยู่ในคาเฟ่ขนมหวาน

“อย่างที่บอกว่า ร้านนี้คือที่ๆ เรารู้สึกอยากปล่อยผี อะไรที่มันเป็นเรา ซึ่งหนังสือมันก็เป็นงานอดิเรกของเรา เราเป็นคนชอบหนังสือ หนังสือที่ตัวเองซื้อส่วนใหญ่ก็จะเป็น Art Books ค่ะ เรามีความรู้สึกกับหนังสือว่า มันเป็นฟอร์ม เป็น Object หนึ่งที่เป็นงานศิลปะค่ะ เลยอยากลองเอามาขายดู แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่า มีคนที่ชอบอะไรเหมือนกันบ้างไหม เพราะว่าหนังสือที่ขายอยู่ก็ค่อนข้างเข้าใจยากประมาณหนึ่งด้วย มันจะเป็นพวกหนังสือดีไซน์ กับพวกหนังสือหนัง หนังสือฟิล์มไปเลย หรือว่า Text Book ไปเลยก็มี การขายหนังสือตรงนี้มันเกิดมาจากความสนใจส่วนตัวล้วนๆ ค่ะ”

โดนัทจาก Artisan Baker

ถ้าจะพูดถึงคาเฟ่โดยไม่พูดถึงขนมก็คงไม่ได้ แต่จุดที่สนใจคือ ทำไมขนมของ CREMA ถึงต้องเป็นโดนัท

“จริงๆ ตอนเริ่มแรกเลย ฝนพยายามเปลี่ยนมาหลายทีแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนแรกก็ทำพวกชีสเค้ก พุดดิ้ง ทำอะไรที่ Operation ค่อนข้างง่ายกว่าตัวขนมปังค่ะ แต่ว่าหุ้นส่วนเขาก็อยากเก็บความเป็นแบรนด์เดิม หรือสิ่งที่มันเคยอยู่ที่นี่เอาไว้ ก็เลยเอาโดนัทกลับมาทำอีกทีหนึ่ง”

แน่นอนว่าส่วนประกอบสำคัญของโดนัทคือ แป้ง ซึ่งแป้งโดว์ของร้าน CREMA ก็ไม่ธรรมดา เพราะน้ำฝนยังเป็นเจ้าของร้าน Artisan Bread ในเชียงใหม่ ที่ชื่อว่า ‘Flourflour’ (@flourflourbread) อีกด้วย ซึ่งเธอก็ได้เอาสูตรขนมปังจากที่ร้านนั้นมาปรับใช้ในแป้งโดว์ของ CREMA

”แป้งโดนัทเป็นบริยอชค่ะ แล้วก็ใช้ยีสต์ธรรมชาติ กับ Sourdough เป็นส่วนผสมด้วย เพื่อสร้าง Texture ของการเคี้ยวให้มันเหนียวขึ้น“ ฝนอธิบาย

”จริงๆ ฝนมองว่า คาเฟ่มันก็เหมือนกันหมดทุกที่แหละค่ะ แต่ว่าฝนทำขนมในร้าน CREMA ขึ้นมาโดยเบสจากสิ่งที่ตัวเองกินได้ ฝนพยายามจะเลือกใช้ของที่คุณภาพดี แล้วก็จะใช้ของที่กินแล้วไม่ทำลายสุขภาพมากค่ะ อย่างพวกครีม ถามว่ามันอ้วนไหม ก็อ้วนค่ะ แต่ฝนไม่ได้ใช้พวกครีมเทียมเลย แล้วพวกไส้ขนมต่างๆ ก็ไม่ได้ใช้พรีมิกซ์เลย กวนมือทั้งหมด ก็เป็นสไตล์ Homemade นิดหนึ่งค่ะ“

นอกจากจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบแล้ว น้ำฝนยังสนับสนุนธุรกิจโลคัล และใส่ใจปัญหาเรื่องขยะอาหารอีกด้วย

”วัตถุดิบที่เราใช้ ส่วนมากมาจากเชียงใหม่ แล้วก็พยายามมีส่วนร่วมกับธุรกิจอื่นๆ อย่างเช่น กาแฟก็จะมาจาก Roaster ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นเพื่อนกัน หรือว่าตัวช็อกโกแลตที่ใช้ที่ร้านก็จะมาจากร้านที่เขา Process ช็อกโกแลตเองที่เชียงใหม่เหมือนกัน แล้วเราก็จะทำขนมเป็นสูตรเล็กๆ เพื่อควบคุมปริมาณ Food Waste ที่จะเกิดขึ้นด้วยค่ะ” ฝนเล่า

”เมนูที่ต้องลอง น่าจะเป็น ‘Original Vanilla Cream Donut’ ค่ะ“ เราให้ฝนแนะนำเมนูที่พลาดไม่ได้เมื่อเข้ามาที่ร้าน “เป็นโดนัทไส้ครีมวานิลลาค่ะ อันนี้เป็นตัวออริจินัลที่ทำมาประมาณ 5-6 ปีแล้ว เราก็ยังคงสูตรเดิมไว้อยู่ค่ะ ความพิเศษของมันคือ ความเข้าใจง่าย กินง่ายๆ แล้วก็กินคู่กับเครื่องดื่มอย่างกาแฟแล้วมันก็เข้ากันมากๆ ความเข้าใจง่าย และความ Friendly ของมันนี่แหละค่ะที่ทำให้มันพิเศษ จะเรียกว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านเลยก็ได้ค่ะ“

”จริงๆ เมนูที่ร้านจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะคะ เป็น Seasonal เลย อย่างช่วงนี้ก็จะออกเป็นเมนูคริสต์มาสค่ะ ให้ความรู้สึก Festive ก็จะมีตัวที่เป็นตัว ‘Apple Pie Filled Donut’ ค่ะ ตัวนี้ก็จะเอาแอปเปิ้ลไปผัดกับน้ำตาลซินนามอน แล้วก็เอามาทำไส้โดนัทค่ะ มันก็จะมีความรู้สึกอุ่นๆ ให้นึกถึงบรรยากาศคริสต์มาสค่ะ“ น้ำฝนอธิบายต่อ

”ส่วนเครื่องดื่มของทางร้านฝนตั้งใจดีไซน์เครื่องดื่มให้มันเรียบง่ายเลย เพื่อเอาไว้เสริมกับขนมที่ร้านมากกว่าค่ะ แต่กาแฟก็จะใช้เมล็ดจาก Roaster ที่เชียงใหม่ มีสองตัวเป็น House Blend กับ Special Blend ซึ่งตัว Special Blend ก็จะสดชื่นหน่อย เป็นโทนฟรุตตี้“

แล้วขนมที่น้ำฝนชอบที่สุดตั้งแต่ทำ CREMA cafe and books มาล่ะ?

Caramel Pudding ค่ะ จริงๆ ชอบกินพุดดิ้งมากอยู่แล้ว ก็เลยทำออกมา แล้วก็รู้สึกแฮปปี้กับสินค้านี้ด้วย เพราะทั้งตัวเองชอบด้วย แล้วลูกค้าก็ชอบค่ะ”

นอกจากโดนัท กาแฟ และพุดดิ้งแล้วที่ร้านก็ยังเบเกิ้ลเอาไว้เสิร์ฟให้คนที่อยากทาน Brunch อีกด้วย

“สไตล์ขนมที่เราชอบก็จะเป็นขนมแบบญี่ปุ่นๆ นิดหนึ่งค่ะ เหมือนคนไทยก็คุ้นเคยกับความเป็นเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย ฝนเลยอยากเอามาทำให้มันดู Simple ขึ้น กินง่ายขึ้น หวานน้อยๆ พยายามจะให้มันออกมาในแนวนั้น แต่ว่ามันก็พูดยากเหมือนกันว่าสไตล์ญี่ปุ่นไหม เรียกว่าฝนได้รับอิทธิพลมาในแนวนั้นอยู่ประมาณหนึ่งค่ะ อย่างพุดดิ้งที่ขายอยู่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ไปเที่ยวคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน แล้วคิดว่า มันเข้ากันกับความเป็นคาเฟ่มากๆ ก็เลยลองเอามาทำขายดู” น้ำฝนอธิบาย

ขนมหวานที่เป็นตัวของตัวเอง และไม่เปลี่ยนไปตามเทรนด์

“ขนมหวาน จริงๆ มันเป็นของสิ้นเปลืองนะ“ น้ำฝนพูดขึ้น

”มันคือ Luxurious Product ก็เป็นเหมือนการให้รางวัลตัวเองค่ะ และอีกส่วนหนึ่งมันเหมือนเป็นสิ่งที่ออกมาจากตัวตนของเราเองด้วย เพราะว่าเราเป็นคนชอบทำอาหารกับขนมตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว เข้าครัวตั้งแต่เด็กเลย แล้วก็ชอบกิน มันก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเรา มันไม่ได้เกิดขึ้นมาเฉยๆ“ น้ำฝนอธิบาย

เราชวนฝนคุยถึงวัฒนธรรมขนมหวานที่เธอได้เห็น ในฐานะคนทำขนม

”จริงๆ คนไทยไม่ได้กินขนมปังเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นอาหารทางเลือกค่ะ พวกเบเกอรี่มันคือ Alternative Choice ในการกินของคนไทยมากกว่าค่ะ“ น้ำฝนเริ่มอธิบาย

”ในมุมของคนทำขนม ฝนก็คิดว่าตัวเองก็ทำตามเทรนด์บ้าง แต่ว่าก็เลือกสิ่งที่จะเอามาทำประมาณหนึ่ง สำหรับคนทำขนมเองโจทย์หลัก มันคือการพัฒนาตัวสินค้าเดิมๆ ที่เราทำอยู่แล้วให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ได้ต้องตามกระแสว่าช่วงนี้อะไรฮิตเราต้องทำ สำหรับเรา แค่ทำสิ่งที่เราทำอยู่แล้วให้มันว้าวที่สุดให้ได้ก็พอแล้ว“ น้ำฝนเสริม

”เราเป็นคนไม่ชอบเปลี่ยนอะไรตามเทรนด์ เรารู้สึกว่ามันไม่ยั่งยืน สำหรับตัวคนทำ แล้วก็สำหรับตัวร้านด้วย เราไม่ชอบเวลาที่อะไรเป็นกระแสแล้วต้องทำ เพราะมันมาแป๊บเดียวแล้วมันก็ไป มันก็ไม่ได้ให้อะไรเราเยอะ หมายความว่า มุมของตัวคนทำ ถ้าจะทำอะไรมันต้องได้ประโยชน์จากการสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาด้วย“ น้ำฝนทิ้งท้าย

”ทุกวันนี้แค่เราเดินเข้าร้านเราก็มีความสุขแล้วค่ะ ได้อยู่ในบรรยากาศที่ตัวเองชอบ มีหนังสือ มีขนม มีกาแฟ แค่นี้เอง“

CREMA Cafe & Books

399/4 สีลมซอย 7, แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 (Google Map)

เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น.

และวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 17.00 น.

โทร. 095 696 6366

ติดตามอัพเดตเพิ่มเติมของทางร้านได้ที่

Instagram: cremacafeandbooks

Facebook: Crema cafe and books