
เมื่อนึกถึงเมืองบาร์เซโลน่า ภาพในหัวของใครหลายๆ คนคงเป็นอาหารชิ้นพอดีคำ ทาปาส และแซงเกรีย แต่หากมีเวลาเดินเตร่ตามตรอกและย่านต่างๆ ก็จะพบว่าเมืองนี้เป็นเมืองของสายเขียวอย่างแท้จริง ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะภูมิอากาศของประเทศสเปนนั้นเหมาะกับการปลูกกัญชาเป็นอย่างมาก
มุมมองและทัศนคติของชาวกาตาลันที่มีต่อกัญชาส่งผลให้มีวัฒนธรรมการสังสรรค์ในพื้นที่สีเขียวอย่าง Cannabis Social Club (คลับสังคมกัญชา) มานานกว่า 20 ปี นับว่าเมืองบาร์เซโลน่าได้บุกเบิกโมเดลของพื้นที่สีเขียวให้หลายประเทศเดินตามในศตวรรษใหม่แห่งเสรีกัญชา

Asociación รวมกลุ่มรวมพลัง
ประเทศสเปนคุ้นเคยกับต้นพืชกัญชามาเป็นเวลานาน มีการปลูกและใช้เส้นใยกัญชง (hemp fiber) ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยเฉพาะเชือกผูกเรือและกระดาษมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 รวมไปถึงวัฒนธรรมการสูบแฮช (hash) ซึ่งนำมาจากทหารที่ประจำการอยู่ในแอฟริกาตอนเหนือ เฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโมร็อกโก ช่วงยุคล่าณานิคมศตวรรษที่ 15
แต่หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายในช่วงยุค 30’s หลายประเทศในสหภาพยุโรปรวมถึงประเทศไทยก็จัดกัญชาเข้าสู่หมวดหมู่ยาเสพติด แต่กัญชาได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในยุค 70’s โดยฮิปปี้บุปผาชนที่เดินทางนำพามุมมองการใช้ยาแบบใหม่
สถาณการณ์กฎหมายกัญชาของประเทศสเปนนั้นอยู่ในขั้น decriminalization (ลดทอนความเป็นอาชญากรรม) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 โดยประชาชนสามารถครอบครองและใช้กัญชาได้ ซึ่งต่อมาได้รวมไปถึงสิทธิในการปลูกส่วนบุคคล ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป

ในปี ค.ศ. 1999 สหภาพยุโรป (European Union) ประกาศให้มีการปลูกใช้กัญชงในด้านอุตสาหกรรม (THC ต่ำกว่า 0.2%) ซึ่งได้ช่วยผลักดันให้วงการกัญชาเติบโตและขยายตัวไปด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจอุปกรณ์การปลูกในประเทศสเปน เห็นได้จากงานมหกรรมอุตสาหกรรมกัญชา ‘Spannabis’ ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีที่เมืองบาร์เซโลน่า เป็นงานที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สกัดและอุปกรณ์สำหรับบริโภคกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002
ต่อมาในช่วงต้นทศวรรษ 90’s ก็เริ่มมีการร่วมกลุ่มเป็น ‘asociación’ (แปลว่า ‘กลุ่ม’ ในภาษาสเปน) เพื่อเรียกร้องเสรีกัญชาโดยเฉพาะในแคว้นกาตาลุญญา (ที่มีเมืองบาร์เซโลน่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศสเปน) และมีการเรียกร้องให้มีคลับส่วนตัว เพื่อที่สมาชิกของคลับจะได้แลกเปลี่ยนและบริโภคกัญชาในพื้นที่ปลอดภัย

หลังจากผ่านไปหลายปีในการต่อสู้ระหว่าง asociación กับรัฐบาลกลาง สุดท้ายก็มาตกลงกันในช่วงปี ค.ศ. 1999-2001 รัฐบาลสเปนยินยอมให้มีการเปิดคลับเพื่อให้ตำรวจมุ่งเน้นความสำคัญในการจับกุมการค้ายาที่เคลื่อนไหวอยู่ในตลาดมืด มากกว่าการใช้กัญชาส่วนตัวของประชาชน
โดยรัฐบาลอนุญาติให้กลุ่ม asociación สามารถปลูกและแบ่งปันกัญชากันภายในกลุ่ม ในบริเวณพื้นที่มิดชิด โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบดังต่อไปนี้
- ลงทะเบียนชื่อสมาชิกเจ้าของกลุ่ม asociación
- คลับจะต้องแนะนำการใช้กัญชาอย่างถูกวิธี (promote responsible consumption)
- คลับจะต้องตกแต่งภายนอกอย่างมิดชิดและไม่มีการติดป้ายโฆษณา
- คลับจะต้องจำกัดจำนวนกัญชา 3-5 กรัมต่อสมาชิก/ต่อวันเพื่อลดปัญหาการขายต่อหรือเปิดตลาดใหม่
- คลับจะต้องสนับสนุนการบริโภคและพกกัญชาในจำนวนที่น้อย เพื่อเลี่ยงปัญหาการโดนจับกุมข้อหาค้าขาย
- คลับจะต้องให้บริการแบบไม่หวังกำไร (non-profit organization) จำนวนเงินบริจาคจะถูกนำกลับไปปรับปรุงคลับและโรงปลูก รวมไปถึงการเสียภาษีให้กับรัฐด้วย
Social Creatures
ถือเป็นธรรมชาติของชาวสเปนที่มักให้ความสำคัญกับการกินดื่มในชีวิตประจำวัน กับการมีคลับเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้มานั่งสูบกัญชาได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มาจากวัฒนธรรมการสังสรรค์ของชาวสเปนล้วนๆ

‘Cannabis Tasters Club of Barcelona’ เป็นหนึ่งในคลับกัญชาแรกที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 แต่ก็พบกับปัญหาการจับกุมจากตำรวจในการปลูกและการขนส่งอยู่เรื่อยมา เพราะท้ายสุดแล้ว คลับเหล่านี้ก็เปิดให้บริการภายใต้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่ไม่มีการคุ้มครองใดๆ
ต่อมาในปี ค.ศ. 2005-2010 กลุ่มองค์กร European Coalition for Just and Effective Drug Policies (ENCOD) ที่มีหน้าที่ปรับเปลี่ยนกฎหมายยาเสพติดในสหภาพยุโรป ได้เริ่มการใช้คำว่า ‘Cannabis Social Clubs’ (CSCs) เพื่อเรียกโมเดลสำหรับการบริโภคกัญชา และคอยจับตาดูเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ในตลาดเสรีกัญชาในอนาคต
ถึงแม้ว่าโมเดลของ Cannabis Social Clubs นั้นจะถูกนำไปปรับใช้ในหลายประเทศ ทั้งที่กัญชาเสรีและไม่เสรี ประเทศสเปนกลับยังวนลูปอยู่ที่เดิมด้วยกฎระเบียบที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง และทำให้ผู้ที่ทำงานในวงการกัญชาเสี่ยงต่อการจับกุมอยู่เสมอ

The Rise of Social Clubs
ในช่วงปี ค.ศ. 2011-2014 เห็นการเปิดและขยายตัวของ Las Asociaciones de Cannabis หรือ Cannabis Social Club เป็นจำนวนมาก หนึ่งในเหตุผลหลักมาจากมาตรการแบนการสูบบุหรี่ในร้านอาหารและบาร์ในปี ค.ศ. 2011 ทำให้สิงห์อมควันทั้งหลายพยายามมองหาช่องทางใหม่ๆ ในพื้นที่สังสรรค์ที่สามารถสูบบุหรี่และกัญชาได้
จำนวนของ Cannabis Social Clubs ที่เปิดขึ้นในบาร์เซโลน่าและเริ่มเป็นที่นิยมผ่านการเล่าแบบปากต่อปากและออนไลน์ ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างจากร้าน coffeeshop ในอัมสเตอร์ดัม Cannabis Social Club จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมยุโรป

เว็บไซต์ที่รีวิวคลับกัญชาอย่าง MarijuanaGames.org และ WeBeHigh.org ได้ช่วยเพิ่มฐานข้อมูลในเรื่องของคุณภาพกัญชาและบริการโดยรวมของคลับ นักท่องเที่ยวสายเขียวหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณภาพของกัญชาในสเปนนั้นดีกว่าประเทศอื่นๆ เพราะมีตลาดที่เคลื่อนไหวและการแข่งขันด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกลุ่มนักปลูกกับ breeder ตลอดเวลา
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง coffeeshop กับ Cannabis Social Club คือ ‘ระบบการซื้อขาย’ โดยที่ coffeeshop มีการซื้อขายในราคาที่ระบุตามน้ำหนักอย่างชัดเจน แต่ Cannabis Social Clubs คือการแลกเปลี่ยนแทนการซื้อขายภายในคลับ/กลุ่มส่วนตัว

ภายใน Cannabis Social Clubs จะพยายามเลี่ยงใช้คำหรือบริบทของการ ‘ซื้อขาย’ โดยใช้เป็นการแลกเปลี่ยนเครดิตโดยเติมเงินก่อนเข้าคลับแทน ซึ่งระบบโมเดลนี้ทำให้สมาชิกทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินสนับสนุนคลับ ซึ่งมีกัญชาเป็นสิ่งที่แบ่งปันและใช้ร่วมกันภายในคลับ
แต่ละคลับจะปลูกกัญชาเป็นของตัวเอง (ในเรื่องของจำนวนต้น จะปลูกตามความเหมาะสมที่รัฐเป็นคนกำหนด) สมาชิกที่ลงทะเบียนสามารถเข้ามาซื้อและสูบกัญชาได้ ตราบใดที่คลับสามารถควบคุมการให้บริการโดยยึดหลักการไม่หวังผลกำไร และให้บริการเฉพาะกับบุคคลที่มีอายุเกิน 21 ปีในปริมาณที่เหมาะสม รวมไปถึงการห้ามโฆษณาคลับกัญชาใดๆ โดยเด็ดขาด

การเข้าร่วมเป็นสมาชิกคลับกัญชา
ความขี้เล่นปนกบฏของชาวกาตาลันนั้นเห็นได้ชัดผ่านท้องถนนเมืองบาร์เซโลน่า ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมศิลปะสตรีทกราฟฟิตี้ สเก็ตบอร์ด และการสูบกัญชา หากสังเกตดูธรรมเนียม ‘siesta’ หรือการพักยามบ่าย ก็จะพบเห็นคนเข้าไปผ่อนคลายในคลับกัญชาไม่น้อยไปกว่าการแวะดื่มที่บาร์เลย
ความคึกคักของวงการกัญชาในบาร์เซโลน่านั้นเรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองอย่างมาก ไม่แปลกที่จะเห็นกลุ่มคนใช้กัญชาเป็นหนุ่มออฟฟิศใส่สูทหรือวัยรุ่นแฟชั่นเก๋ไก๋ รวมถึงกลุ่มพลังหญิงที่รวมตัวปลูกกัญชาสร้างแบรนด์เป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะตีเข้าตลาดที่คนส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

ปัจจุบันมีการขยายตัวและเปิด Cannabis Social Clubs กว่า 200-500 แห่งในประเทศสเปน คลับส่วนมากจะตั้งอยู่ในแคว้นกาตาลุญญา และมีค่าสมัครสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 10-25 ยูโร (360-900 บาท) ซึ่งหลายแห่งต้องอาศัยสมาชิกเก่าพาเข้า แต่บางแห่งก็สามารถเดินเข้าได้เลย หรือทำการสมัครสมาชิกผ่านช่องทางอินสตาแกรมของคลับ
Cannabis Social Clubs เป็นคลับเฉพาะที่มีการลงชื่อและจ่ายค่าสมาชิกรายปี ซึ่งในตอนแรก การจะเข้าคลับได้ก็ต้องมีเพื่อนหรือสมาชิกพาเข้าเท่านั้น แต่ปัจจุบันการจำกัดจำนวนสมาชิกค่อนข้างจะไม่เคร่งครัดเหมือนแต่ก่อน
ในแต่ละคลับจะมีการนำเสนอสายพันธุ์กัญชาในรูปแบบช่อดอก (flowers) แฮช (hash) ขนมกัญชา (edibles) สารสกัด (concentrates) แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นแบบสายพันธุ์แนว exotics อินเทรนด์ของอเมริกาอย่าง Gelato และ Zkittles หรือสายพันธุ์คลาสสิกอย่าง Amnesia และ Super Lemon Haze ไปจนถึงอุปกรณ์กระดาษโรล บ้อง เครื่อง dab ที่มีไว้พร้อมให้หยิบยืม
https://www.youtube.com/watch?v=0mV2BS19IWY
Cannabis Social Clubs หลายแห่งเปิดบริการตั้งแต่ 09:00-21:00 น. พร้อมกับเสิร์ฟกาแฟและครัวซองต์สำหรับลูกค้าในยามเช้า มีพนักงาน budtender ที่คอยแนะนำสายพันธุ์ตามต้องการ บางแห่งเองก็ให้บริการเพื่อการแพทย์โดยเฉพาะ และมีหมอคอยให้ความรู้เรื่องสายพันธุ์กับกัญชาในรูปแบบต่างๆ แก่ผู้ป่วยด้านมะเร็งและโรคอื่นๆ
การตกแต่งภายในจะมีธีมและสไตล์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะแบบที่บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้านเพื่อน หรือแบบคาเฟ่สำหรับนั่งสังสรรค์หรือคุยงานเป็นทีม รวมไปถึงการจัดกิจกรรมอย่างโยคะ สัมมนางาน ดูบอลสด โชว์งานศิลปะ มีดีเจคอยเปิดเพลง หรือแม้กระทั่งดนตรีสด มีโต๊ะพูลและห้องประชุม เครื่องเล่นเกมส์ Xbox โปรเจคเตอร์ฉายหนัง ฯลฯ
Dream Model for Legalization?
โมเดลของ Cannabis Social Club อยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและมุ่งเน้นการลดปัญหาจากตลาดมืด Federation of Cannabis Associations of Catalonia (CATFAC) ถึงแม้ว่า Cannabis Social Club จะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร มันก็สามารถสร้างงานและรายได้ให้กับกลุ่มคนเป็นจำนวนไม่น้อย รวมไปถึงเสียงสนับสนุนจากรัฐบาลกาตาลัน ว่าโมเดลของพื้นที่สีเขียวนี้ส่งผลให้ธุรกิจบนถนนและตลาดมืดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการที่ทุกคนที่ไม่ต้องซื้อกัญชาจากพ่อค้ายาตามหัวมุมถนนอีกต่อไป

ปัจจุบัน Cannabis Social Clubs กลายเป็นโมเดลที่กำลังถูกใช้ในประเทศต่างๆ อย่างเช่น อุรุกวัย มอลตา สวิตเซอร์แลนด์ ที่ร่างกฎหมายระบุให้ Cannabis Social Clubs เป็นพื้นที่การค้าขายซึ่งมีระบบและการความคุมที่โปร่งใสมากขึ้น
นอกจากนั้น คลับหรือพื้นที่สีเขียวในโมเดลของคลับยังถูกปรับใช้ในประเทศที่กฎหมายกัญชายังไม่ชัดเจน หรือให้บริการในพื้นที่สีเทา (gray area) อย่างประเทศอาร์เจนติน่า โคลัมเบีย ชิลี ออสเตรีย เบลเยียม เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สโลวีเนีย แอฟริกาใต้ สเปน และรัฐโอเรกอน เนวาดา โคโลราโดในประเทศสหรัฐอเมริกา ฯลฯ

กว่า 20 ปีของการมีคลับกัญชาเปิดบริการพร้อมกับการเรียกร้องสิทธิการใช้กัญชาให้ถูกกฎหมาย รัฐบาลกาตาลันก็ยังไม่ตัดสินใจให้มีการเสรีกัญชาสักที ในปี ค.ศ. 2017 ได้มีการเรียกร้องจากรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลันเข้าสภาแต่ก็ถูกปัดตก เหล่า Cannabis Social Clubs จึงตกที่นั่งลำบาก เพราะไม่มีกฎหมายคุ้มครองชัดเจน ทำให้เสี่ยงต่อการถูกปิดคลับและจับกุมดำเนินคดีอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันทางรัฐบาลกลางของประเทศสเปน (ยัง) ไม่มีท่าทีว่าจะทำให้กัญชาถูกกฎหมาย แต่ก็มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในประเทศเยอรมันที่น่าจะช่วยเปิดทางให้เสรีกัญชาเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้
อ้างอิง
- Marijuana Clubs Rise Out of Decades-Old Spanish Laws, Suzanne Daley
- Cannabis in Spain – Laws, Use, and History, Maurice Veldman
- The Legal Landscape for Cannabis Social Clubs in Spain, Observatorio Civil de Drogas
- Cannabis Social Clubs in Spain: Legalization Without Commercialisation, Transform Drug Policy Foundation
- The Legal Landscape for Cannabis Social Clubs in Spain, El Transnational Institute (TNI)
- A Brief History of Cannabis Policies in Spain (1968–2003), Journal of Drug Issues